รีวิว Julie And The Phantoms ซีรี่ส์ใหม่จากราชามิวสิคัลวัยทวีน

หลังจากกำกับหนังทางโทรทัศน์ให้กับค่ายดิสนี่ย์ พิคเจอร์สมานานจนเรียกว่าเป็นขาประจำของหนังทางช่องดิสนี่ย์ชาแนล ผู้กำกับ เคนนี่ ออร์เตก้า ก็ได้สร้างผลงานกับทางเน็ตฟลิกซ์บ้างในการรีเมคซีรี่ส์โทรทัศน์จากประเทศบราซิลในชื่อเดียวกันนั่นคือ Julie and The Phantoms เมื่อปี 2011 (หรือในภาษาเดิม Julie e os Fantasmas) และดูเหมือนนี่จะเป็นงานโชว์ศักยภาพของเขาอีกครั้ง

ออร์เตก้าผู้กำกับวัย 70 ปีเติบโตมาในสายละครเพลง และการออกแบบท่าเต้นมากมายเขามีส่วนในงานออกแบบท่าเต้นของหนัง และมิวสิควิดีโอยุค 70-80s อย่างไรก็ตามเมื่อได้โอกาสกำกับหนังสองเรื่องในยุค 90s นั่นคือ Newsies(1992) และ Hocus Pocus(1993) กลับได้ผลตอบรับที่ได้มีทั้งคำวิจารณ์และรายได้(แม้ในเวลาต่อมา Hocus Pocus จะกลายเป็นหนังคัลท์คลาสสิคของยุคนั้น) ทำให้เขาหันเหไปในงานออกแบบท่าเต้นอีกครั้ง แต่ก็นับเป็นการฝึกปรือที่สำคัญยิ่งเพราะเป็นการดูแลงานให้กับคอนเสิร์ตของราชาเพลงป๊อปอย่าง ไมเคิล แจ๊คสัน นานกว่าสิบปี รวมถึงหันไปกำกับซีรี่ส์โทรทัศน์หลายเรื่อง

รีวิว Julie and The Phantoms ซีรี่ส์ใหม่จากราชามิวสิคัลวัยทวีน 1

Julie e os Fantasmas ต้นฉบับจากบราซิล

เขากลับทำงานกำกับและออกแบบท่าเต้นร่วมกันอีกครั้งจากการกำกับหนังทางโทรทัศน์ High School Musical ในปี 2006 และมันกลายเป็นงานที่สร้างชื่อให้กับดิสนี่ย์ระดับปรากฎการณ์ จนมีการสร้างภาคต่ออีกสองภาค โดยภาคสุดท้าย High School Musical 3: Senior Year ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ปี 2008 ได้รับทั้งเงินและกล่อง ในฐานะที่มันเป็นหนังวัยรุ่นที่ปลุกตลาดหนังเพลงของดิสนี่ย์ที่ไปได้ดีเฉพาะอนิเมชั่นให้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง และทำให้เขาได้กำกับหนังสไตล์มิวสิคัลอีกหลายเรื่องรวมถึง Descendants(2015) หนังเพลงสไตล์แฟนตาซีที่จับลูกเหล่าร้ายจากการ์ตูนดิสนี่ย์มาเป็นตัวเอก และกลายเป็นกระแสโด่งดังจนสร้างออกมาถึงสามภาค จึงไม่แปลกเลยที่ผู้กำกับวัยเก๋าคนนี้จะได้รับการยกให้เป็นราชาแห่งหนังทวีน (หนังสำหรับวัยช่วงระหว่างเด็กจนถึงวัยรุ่น)

ปีที่ผ่านมาออร์เตก้าเซ็นสัญญาผลิตงานให้กับ Netflix สตรีมมิ่งรายใหญ่หลายปี และซีรี่ส์ Julie and The Phantoms เป็นผลงานเรื่องแรกของเขาผ่านการสร้างของ แดน ครอส และ เดวิด โฮก สองโปรดิวเซอร์ผู้คร่ำหวอดในการผลิตซีรี่ส์สำหรับวัยรุ่น ที่งานนี้ยังแสดงให้เห็นเอกลักษณ์เด่นๆ ในแนวมิวสิคัลของเขา รวมไปถึงการคัดนักแสดงหน้าใหม่ซึ่งแจ้งเกิดในเรื่องนี้อย่างเต็มตัว โดยไม่ต้องพึ่งดาราจากช่องดิสนี่ย์ ชาแนล

รีวิว Julie and The Phantoms ซีรี่ส์ใหม่จากราชามิวสิคัลวัยทวีน 2

จูลี่ (เมดิสัน เรเยส) นักเรียนเอกดนตรี กำลังจมอยู่กับความทุกข์หลังสูญเสียแม่ไป จนไม่กล้าจะกลับมาเล่นดนตรีอีกครั้ง แต่แล้ววันหนึ่งขณะจัดของในห้องแม่เพื่อเตรียมจะประกาศขายบ้าน ซีดีเดโมของวงร็อคไร้ชื่อวงหนึ่งที่ลองเปิดฟังก็ทำให้ผีสามตนที่ตายไปแล้วตั้งแต่ปี 1995 หรือเมื่อยี่สิบปีก่อนถูกปลุกวิญญาณขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาคือ ลุค , อเล็กซ์ และเรจจี้ อดีตสมาชิกวง Sunset Curve (ชาร์ลี กิลเลสพี, ) ที่เสียชีวิตกะทันหันก่อนจะได้ขึ้นคอนเสิร์ตครั้งสำคัญ

แรกเริ่มเธอกลัว และคิดว่าเรื่องราวในชีวิตวุ่นวายอยู่แล้ว ทำให้ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือทั้งสามที่อยากจะกลับมาทำงานเพลงอีกครั้ง เมื่อพบว่าเมื่อไรที่เล่นดนตรีกับจูลี่ คนจะสามารถได้ยินเสียงดนตรีที่พวกเขาเล่นได้ แต่แล้วในวันหนึ่งการแสดงเพลงหลังงานกีฬาของเธอ สมาชิกทั้งสามคนที่ร่วมเล่นบนเวที และทุกคนเห็นพวกเขา ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง ทุกคนต่างเชื่อข้อแก้ตัวอย่างรีบร้อนว่านี่เป็นภาพจากโฮโลแกรม กลายเป็นต้นกำเนิดของวง Julie and The Phantoms ที่นักร้องนำเป็นคน และแบ็คอัพของเธอคือผี

รีวิว Julie and The Phantoms ซีรี่ส์ใหม่จากราชามิวสิคัลวัยทวีน 3

ซีรี่ส์ความยาวทั้งหมด 9 ตอนนี้มีความยาวไม่มาก สามารถดูจบได้อย่างเพลิดเพลินด้วยเพลงใหม่ที่คัดสรรมาอย่างดีในแต่ละตอนรวม 15 เพลง มีทั้งเพลงแบบป๊อปร็อคยุค 90s แบบที่วง Sunset Curve เล่น รวมไปถึงเพลงสไตล์มิวสิคัล และเพลงเต้นรำที่ออร์เตก้าถนัด และแม้จะเป็นเพลงที่ดูเหมือนจะไม่เอื้อกับการออกแบบท่าเต้นนัก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างในฉากเพลงและบนเวทีถูกออกแบบมาอย่างดีให้แต่ละตอนไม่ซ้ำซากจำเจ

แม้จะเป็นงานที่ผลิตให้เน็ตฟลิกซ์ ในฐานะโปรดิวเซอร์ ที่กำกับซีรี่ส์นี้ถึง 5 ตอน ออร์เตก้ายังไม่ทิ้งกลิ่นอายหนังสำหรับช่องดิสนี่ย์ ชาแนล มีฉากเพลงแฟนตาซีจัดเต็มแทรกเข้ามา เพลงร็อคในเรื่องเองหากเทียบตามยุคสมัยจริงอย่างปี 1995 ก็ออกจะมีสำเนียงต่างออกไปนิดๆ เพราะยุคดังกล่าวเป็นยุคของวงอัลเทอร์เนทีฟร็อค คู่พระนางไม่มีฉากรักหวือหวาเกินเลย แต่ละตอนเน้นความตลกเปิ่นๆ ของตัวละคร ที่หลายคนบุคลิกยังดูล้นๆ เหมือนหลุดมาจากหนังการ์ตูน แถมเขายังดึงเอา บูบู สจ๊วร์ต และ จาดาห์ มารี ที่เคยแสดงหนังชุด Descendants มารับบทสมทบอีกด้วย

รีวิว Julie and The Phantoms ซีรี่ส์ใหม่จากราชามิวสิคัลวัยทวีน 4

หากอีกด้านงานชิ้นนี้ก็เป็นแนวก้าวข้ามพ้นวัยที่ลงตัว ทั้งประเด็นการรับมือกับความสูญเสียคนที่รัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจูลี่ ที่เสียแม่หรือ ลุค มือกีต้าร์ และนักแต่งเพลงหลักของวงที่มีปมไม่ต่างกันนัก รวมทั้งสมาชิกของวงเองที่กลัวการสูญสลายไปตลอดกาล อีกทางหนึ่งพวกเขาก็สู้เพื่อฝันในการเป็นศิลปินดังท่ามกลางอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิตท่ามกลางบรรยากาศแบบหนังตลกวัยรุ่น แต่ก็ชวนลุ้น และเอาใจช่วยพวกเขาที่หากเดินพลาดสักครั้ง ก็อาจปิดโอกาสการเป็นศิลปินดังที่วาดหวังไว้

รีวิว Julie and The Phantoms ซีรี่ส์ใหม่จากราชามิวสิคัลวัยทวีน 5

จึงไม่แปลกบทเพลงที่คัดมาจึงล้วนว่าด้วยการให้กำลังใจ ยืนหยัดที่จะสู้ต่อ ซึ่งปลุกปลอบทั้งตัวผู้ร้องและเล่นดนตรี รวมถึงผู้ชมอีกด้วย แน่นอว่าใจความสำคัญคงเรื่องยังคงเป็นดังที่จูลี่พูดถึงลุคว่า “เขาได้ใช้ชีวิตโดยทำสิ่งที่เขาเกิดมาเพื่อทำ ไม่ใช่ทุกคนที่จะหามันเจอ แต่ลุคหาเจอค่ะ” แต่เชื่อว่าใครได้ฟังเพลงอย่าง Stand Tall ก็คงรู้สึกฮึกเหิมตามได้ไม่ยากเลย

รีวิว Julie and The Phantoms ซีรี่ส์ใหม่จากราชามิวสิคัลวัยทวีน 6

เมดิสัน เรเยส นักแสดงหน้าใหม่เชื้อสายละตินอเมริกา แม้จะไม่ได้มีหน้าตาสะสวยโดดเด่นทันที แต่ด้วยความสามารถทางการแสดงบนเวที การร้องอันทรงพลัง การเต้น และแสดงดนตรีของเธอทำได้อย่างน่าประทับใจ ไม่น่าแปลกที่แม้เธอจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ แต่ก็ผ่านการคัดเลือกจากนักแสดงที่ทดสอบบทกว่า 1,000 คน และยังถ่ายทอดอารมณ์ความรักที่มีต่อแม่ และเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ชาร์ลี กิลเลสพี (ซีรี่ส์ Charmed )นักแสดงหลักอีกคนที่รับบท ลุค ภายใต้บุคลิกหนุ่มร็อคมาดเท่ แต่ในฉากที่เขาถ่ายทอดความรู้สึกเสียใจผ่านบทเพลง Unsaid Emily นับเป็นฉากที่น่าจดจำที่สุดฉากหนึ่งของซีรี่ส์นี้ การแสดงของเขากับเรเยสนับเป็นเคมีที่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ

รีวิว Julie and The Phantoms ซีรี่ส์ใหม่จากราชามิวสิคัลวัยทวีน 7

น่าเสียดายว่าด้่วยความยาวของซีรี่ส์ที่จบเพียง 9 ตอนทำให้มันจบโดยมีเรื่องทิ้งค้างคาเป็นปริศนาเต็มไปหมด และต้องมาลุ้นผลตอบรับกันว่าซีรี่ส์มิวสิคัลเรื่องนี้จะได้สร้างต่ออีกหรือไม่ !

รีวิว Julie And The Phantoms ซีรี่ส์ใหม่จากราชามิวสิคัลวัยทวีน

รีวิวซีรี่ส์ฝรั่ง

แนะนำสำหรับคุณ