รีวิว Mystic Pop-Up Bar แฟนตาซีสายฮา ดราม่า ซึ้งประทับใจไปกับบาร์เหล้าลับแลในฝัน (อัพเดทจบ EP12)

Mystic Pop-up Bar  มนต์มายา ณ ร้านลับแล ซีรีส์เกาหลีแนวตลกดราม่าแฟนตาซี เจ้าของร้านอาหารข้างทางกับพนักงานหนุ่มสุดซื่อที่มีความสามารถเข้าไปในความฝันของเหล่าลูกค้า เพื่อช่วยแก้ไขปมปัญหาต่างๆ ในจิตใจของพวกเขา

หมายเหตุ มีสปอยล์เนื้อหาบางส่วน แต่ไม่ใช่จุดหักเหสำคัญของเรื่อง

ซีรีส์เกาหลี Original Netflix เรื่องราวของบาร์ลับแลที่ช่วยเหลือผู้คนที่มีปัญหาในใจโดยการเข้าไปในความฝัน สร้างจากการ์ตูนในเว็บตูนเกาหลีที่ชื่อ Ssanggap Pocha (ชื่อเกาหลี “쌍갑포차”) ดูผ่าน Netflix หลังสามทุ่มทุกวัน พุทธ-พฤหัส ความยาวของซีรีส์ตอนละชั่วโมง 12 ตอนจบ (จบ 25 มิถุนายน 2020)

เรื่องราวตอนแรกเริ่มขึ้นแบบย้อนยุคสมัยโบราณ เล่าย้อนไปถึงที่มาของนางเอก “วอลจู” ในสมัยเด็กที่มีแม่เป็นคนทรง ทำให้ได้รับพลังการเข้าไปในฝันของผู้อื่นติดตัวมา ซึ่งเธอก็ใช้ช่วยเหลือผู้คนตกทุกข์ได้ยากจนชื่อเสียงเลื่องลือไปถึงในวัง ที่องค์รัชทายาทนอนหลับไม่ตื่น เธอจึงถูกตามตัวไปรักษา แต่กลับพลาดพลั้งบางอย่างไปจนทำให้บ้านของเธอถูกเผา แม่ถูกสังหารในขณะที่ส่งให้เธอหนีไป ด้วยความคับแค้นใจเธอจึงผูกคอตายใต้ต้นไม้ศักสิทธิ์ แต่กลายเป็นว่าเบื้องบนไม่ให้เธอตายสมใจ แต่ให้มาอยู่ในโลกมนุษย์ชดใช้ความผิดที่ไปผูกคอตายที่นั่นด้วยการให้ช่วยผู้คนที่ทุกข์ใจ 1 แสนคน ภายในเวลา 500 ปีให้ได้ และเรื่องก็เดินหน้ามาถึงปัจจุบันที่เธอเปิดธุรกิจบาร์เหล้าข้างทางแบบที่ผลุบๆ โผล่ๆ ให้คนเห็นบ้าง ไม่เห็นบ้าง (ที่ตรงกับชื่อเรื่อง ป๊อปอัพบาร์) โดยเหลืออีกแค่ 10 คนก็จะเสร็จสิ้นภารกิจนี้แล้ว แต่ว่างานกลับยากขึ้น มนุษย์สมัยนี้เปิดปากเล่าความทุกข์ในใจได้ยาก จนเหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวเท่านั้น ไม่งั้นเธอก็ถูกตัดสินให้ตกนรกในทันที แต่แล้วเธอกลับได้พบชายหนุ่มที่ชื่อ “ฮันกังแบ” ผู้มีความสามารถพิเศษเปิดใจผู้คนให้ยอมเล่าเรื่องราวทุกข์ใจได้ด้วยการสัมผัสตัว ซึ่งความสามารถที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กนี้กลับเป็นเหมือนคำสาปที่ทำให้เขาถูกตัวใครไม่ได้เลย กลายเป็นต้องได้ล่วงรู้ความในใจของอีกฝ่ายทั้งหมด ซึ่งก็มักจะไม่ใช่เรื่องดีซะด้วยสิ

3 นักแสดงหลักของเรื่อง
3 นักแสดงหลักของเรื่อง

ต้องบอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ในตอน 1 ค่อนข้างแย่ในหลายจุด ทั้ง CG ทุนต่ำ การเข้าไปโลกในฝันแบบดูทุนต่ำ ไม่ลงทุนสร้างฉากแฟนตาซีอะไรให้น่าสนใจเลยสักอย่าง ตัวเรื่องการแสดงออกของตัวละครดูล้นๆ แบบการ์ตูนมากเกินไป เข้าใจว่าทำจากการ์ตูน แต่มันล้นเกินบวก CG ที่ใส่มาให้ดูการ์ตูนเว่อร์ๆ อย่างการยกคนเขวี้ยงลอยไปไกลลิบๆ จนมองไม่เห็นอะไรแบบนี้ ประกอบกับเรื่องเน้นไปในทางโอเวอร์แอ็กติ้งตลอดเวลา ทุกอย่างจึงถูกทำให้เป็นเรื่องตลกไปหมด จนเหมือนเรื่องจะเน้นฮาอย่างเดียว ซึ่งก็ไม่ได้ถึงกับขำมากด้วย ประสบการณ์ที่ใครได้ดูตอนแรกอาจจะไม่ประทับใจอะไร เผลอๆ อาจจะเลิกดูต่อเลยก็ได้

รีวิว Mystic Pop-up Bar แฟนตาซีสายฮา ดราม่า ซึ้งประทับใจไปกับบาร์เหล้าลับแลในฝัน (อัพเดทจบ EP12) 1

แต่พอถึงตอนที่ 2 อะไรหลายอย่างที่ว่าแย่หายไปเกลี้ยงเกือบหมด แม้เรื่องราวจะมีแพทเทิร์นเดิมๆ อยู่คือ เปิดมาเป็นลูกค้าที่มีปัญหาทุกข์ใจมากินเหล้า พระเอกแตะตัวเพื่อใช้พลังเปิดใจให้ลูกค้าเล่าเรื่องทุกข์ใจออกมา ก่อนหาทางตัดเข้าโลกความฝันของคนนั้น แต่ว่าตัวเรื่องของตอน 2 นั้นกลับไม่ธรรมดา มีดราม่าเคสของเรื่องที่ลึกซึ้งกินใจ ย้อนวัยไปยังอดีตของเจ้าของเรื่อง โลกในฝันก็เปลี่ยนไปยังยุคสมัยนั้น แถมยังมีฉากแฟนตาซีในก้นบึ้งของจิตใจ ที่ทำ CG ออกมาได้ดีเลย รวมถึงเผยความสามารถใหม่ๆ ที่ตัวละครในทีมมีอย่างการเชื่อมเครือข่ายข้อมูลไปยังโลกวิญญาณได้ ต้องบอกเลยว่าจบตอน 2 นี่ดีผิดหูผิดตา แต่ก็ยังระแวงๆ ว่าอาจจะมีกลับไปแย่แบบตอนแรกอีกก็ได้

แต่หลังดูตอน 3 จบแทบจะฟันธงเลยว่านี่คือ “ซีรีส์น้ำดีที่ไม่ควรพลาดแห่งปีเรื่องหนึ่งแน่นอน” ด้วยการผูกเรื่องซับซ้อนข้ามภพ เล่าเรื่องอดีตโบราณผูกพันกับปัจจุบันได้อย่างแนบเนียน ไปพร้อมกับเรื่องแฟนตาซีในโลกยุคปัจจุบัน ที่เป็นเคสช่วยเหลือผู้คนช่วงโค้งสุดท้ายของชีวิตนางเอก แต่กลับไม่ได้เดินตามสูตรเป๊ะๆ แบบที่คิด มีเรื่องราวการกลับชาติมาเกิดของตัวละครในสมัยโบราณ ปั่นป่วนจิตใจของนางเอกแบบที่ทำให้ภารกิจไม่ได้อยู่แค่เพียงในฝัน แต่ยังมีการช่วยเหลือในโลกจริงปลอมตัวแบบพวกหนังสายลับเข้ามาอีก รวมถึงสกิลใหม่ๆ ของตัวละครในทีมที่ช่วยให้เรื่องราวแปลกมหัศจรรย์ขึ้นไปอีก และพอดูไปเรื่อยๆ ความสัมพันธ์ของ 3 ตัวเอกหลักจะค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ เป็นมิตรภาพที่ทำให้คนดูอินได้ง่ายๆ เลย และกลายเป็นส่วนที่ดีสุดของเรื่องไปเลยครับ

รีวิว Mystic Pop-up Bar แฟนตาซีสายฮา ดราม่า ซึ้งประทับใจไปกับบาร์เหล้าลับแลในฝัน (อัพเดทจบ EP12) 2

ที่จริงค่อนข้างมั่นใจว่าคนเขียนเรื่องนี้ยืมไอเดียมาจากหนังดัง Inception แน่นอน เพราะพล็อตโครงเรื่องในฝันกับความสามารถต่างๆ ในเรื่องค่อนข้างตรงกับที่หนังใช้มาก่อน อย่างความสามารถออกแบบฝันได้ของนางเอก หรือการเลียนแบบเป็นใครก็ได้ของตัวละครในทีมที่ต้องใช้สกิลพิเศษของทุกคนช่วยกันเจาะลงลึกไปในความฝัน เคลียร์ปมที่ค้างอยู่ในใจ แต่เรื่องก็ไม่ได้ถือว่าลอกเลียนอะไร เพราะปรับมาใช้ในเป็นแนวแฟนตาซีเอเชียได้ดีมาก มีความกลมกล่อมผสานกับความเชื่อที่เราคุ้นเคย ต่างกับ Inception ที่เป็นแนวไซไฟจริงจังไม่มีเรื่องความเชื่อใดๆ มาเกี่ยวข้องเลย จึงทำให้ Mystic Pop-up Bar เรียกว่าเป็นงานรีครีเอทใหม่อย่างแท้จริง

ตัวเรื่องแฟนตาซีนอกจากโลกในฝันแล้ว ยังมีส่วนของฉากตัดสินโทษในนรกกับการเดินทางระหว่างความตายเพิ่มเข้ามา และเรื่องราวก็ค่อยๆ ต่อเติมช่วงเวลาที่หายไปก่อนนางเอกผูกคอตายว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ซึ่งเรียกว่าซับซ้อนแบบคาดเดาไม่ได้เลย เพราะหลังจากนั้นนางเอกต้องมารับภารกิจช่วยคนแสนคนที่หนักหนาสาหัสมาก

ตลกนำหน้า ฮาได้ทุกอย่าง ครอบจักรวาล 

จุดขายสุดของเรื่องคือความตลกแบบไม่บันยะบันยังของตัวละครในเรื่อง แบบมีจังหวะนี่เล่นกันทุกนาที เอากันทุกฉาก เชื่อว่าเผลอๆ นักแสดงใส่มาเองด้วย อย่างบทวอลจูเจ้าของร้านนี่แหละตัวดี เจ๊แกเล่นใหญ่ใส่ทุกท่า แม้แต่แค่การเดินก็ยังเอาฮาได้ พวกนี้คืออินเนอร์ของนักแสดงที่บทไม่ได้ลงไว้ แต่เจ๊ขอจัดให้เองแน่นอน แถมบทยังเอื้อให้กับการเล่นตลกได้สารพัด ด้วยความหลากหลายของเคสในแต่ละตอนที่ต่างกัน ก็ทำให้เรื่องมีความแปลกใหม่ใส่เข้ามาให้ฮาๆ ได้ไม่ซ้ำกันเลย อย่างตอน 4 ที่มีฉากไปที่เขตราชการโลกวิญญาณ ก็มีมุกจิกกัดเรื่องระบบราชการแบบใช้คอมหมดแล้ว แถมคนที่มาปฏิวัติระบบทะเบียนราชก็เป็น “สตีฟจ๊อบ” ชัดๆ เรียกว่าฮากันแน่นอนกับฉากนี้ ตัวเรื่องแอบจิกกัดอะไรครอบจักรวาลมาก ถ้าใครตามทันพวกนี้ยิ่งฮาทวีคูณขึ้นไปอีก

รีวิว Mystic Pop-up Bar แฟนตาซีสายฮา ดราม่า ซึ้งประทับใจไปกับบาร์เหล้าลับแลในฝัน (อัพเดทจบ EP12) 3

รวมมิตรทุกแนวมาไว้ด้วยกัน

ถึงบอกว่าเรื่องนี้ตลกนำหน้า ดราม่าซึ้งๆ ตามมา แต่เอาจริงๆ เรื่องก็ไม่ได้มีแค่ 2 แนวหลักนี้ เพราะแทบจะยำรวมทุกอย่างมาไว้ด้วยกันหมดแล้ว ในส่วนของแนวราชวงศ์ก็มีแฟลชแบ็คกลับมาเรื่อยๆ แล้วก็ออกแนวดราม่ารันทดหดหู่เศร้าๆ กับโศกนาฎกรรมของตัวนางเอกในยุคนั้นกับองค์ชายตอนต้นของเรื่อง พร้อมกับคดีลึกลับว่าใครฆ่าแม่นางเอก และยังมีตัวคนร้ายลึกลับข้ามยุคตามมาจนถึงปัจจุบันอีกด้วย

รีวิว Mystic Pop-up Bar แฟนตาซีสายฮา ดราม่า ซึ้งประทับใจไปกับบาร์เหล้าลับแลในฝัน (อัพเดทจบ EP12) 4

แนวรักโรแมนติกตามสูตรเกาหลีก็ยังมีครบถ้วน ทั้งจากในอดีตของวอลจูกับองค์ชาย รวมถึงความรักในโลกปัจจุบันของตัวละครในเรื่องที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นทีละนิด แต่ก็มีอุปสรรคจากความที่ตัวเอกของเรื่องทั้งวอลจูและฮันกังแบไม่ได้เป็นคนปกติธรรมดาทั่วไป เรื่องจึงคาดเดาไม่ได้ว่าอย่างพระเอกจะลบปมด้อยที่มาจากพลังของตัวเองได้ยังไง หรือวอลจูที่จริงๆ แล้วมาโลกแค่ทำภารกิจนี้ให้เสร็จ กลับเริ่มมีความรักขึ้นมาอีกครั้งจะเกิดอะไรขึ้น? และก็เหมือนองค์ชายจะกลับชาติมาเกิดในยุคนี้ด้วยเหมือนกันด้วยสิ

รีวิว Mystic Pop-up Bar แฟนตาซีสายฮา ดราม่า ซึ้งประทับใจไปกับบาร์เหล้าลับแลในฝัน (อัพเดทจบ EP12) 5
แม้จะมีเรื่องโรแมนติกเข้ามา แต่ก็ยังผสมด้วยความฮาไม่เปลี่ยน

ความรักในเรื่องนี้ไม่ได้หวานเลี่ยน แต่ออกแนวโรแมนติกชวนขำไปกับความเปิ่นๆ ของพระเอกกับคังยอริน ที่มีความลับบางอย่างติดตัวเธออยู่เช่นกัน เรื่องยังแทรกความรู้สึกโดดเดี่ยวของทั้งคู่ อารมณ์คนโสดเหงามาตลอดชีวิตมาเจอกัน ซึ่งดูแล้วน่ารักมีลุ้นทุกตอนแบบกำลังดี ดูไปยิ้มไปพร้อมกับแทรกแง่มุมความรักในแบบที่แตกต่างจากคนปกติทั่วไปอีกด้วย อย่างฉากในภาพด้านบนที่ทั้งคู่ดูหนังตลกแต่กลับเศร้าสะเทือนใจเพราะตัวเอกในเรื่องแตะตัวกันไม่ได้เพราะเป็นเกาต์ ซึ่งหนังก็ตั้งใจทำให้คนดูตลก แต่เรากลับได้เห็นแง่มุมสุดรันทดผ่านความคิดของพระเอกกับคังยอรินไปพร้อมกัน

รีวิว Mystic Pop-up Bar แฟนตาซีสายฮา ดราม่า ซึ้งประทับใจไปกับบาร์เหล้าลับแลในฝัน (อัพเดทจบ EP12) 6

ถึงแนวเรื่องออกจะตลกกับดราม่ามากๆ แต่ตัวเรื่องก็ยังยัดแนวแอ็กชั่นเข้ามาได้อีก ใน EP4 จะเริ่มมีฉากบู๊ชัดเจนปรากฎขึ้นมา ตัวหัวหน้าพ่อครัวผู้ช่วยวอลจูเป็นสายบู๊นักสืบจากโลกวิญญาณ ที่ต้องมาตามล่าวิญญาณร้ายในโลกมนุษย์พร้อมกับทำงานในบาร์ไปพร้อมกัน ซึ่งช่วงกลางเรื่องไปตัวเรื่องจะเริ่มจริงจังกับการใส่บทแอ็กชั่น เป็นแนวปราบผีวิญญาณร้ายร่วมกับการใช้ CG ที่ดีไม่แพ้หนังโรงเลย และฉากแอ็กชั่นยังมีเพิ่มมาเรื่อยๆ ในช่วงท้าย ที่แม้เรื่องจะเป็นแนวตลก แต่ก็ทำส่วนนี้ออกมาได้สนุก มีคิวบู้พอประมาณไม่ขี้เหร่เลย โดยเฉพาะสองตอนก่อนจบก็จัดมาเป็นแนวแอ็กชั่นจริงจังที่ลุ้นสนุก แถมซึ้งอีกต่างหากครับ

รีวิว Mystic Pop-up Bar แฟนตาซีสายฮา ดราม่า ซึ้งประทับใจไปกับบาร์เหล้าลับแลในฝัน (อัพเดทจบ EP12) 7

ตีแผ่ความฉ้อฉลอยุติธรรมของสังคม

ตัวเคสในแต่ละตอนมักจะมีจุดร่วมกันอย่างหนึ่งก็คือ การที่ตัวละครเหยื่อในเคสนั้นต้องเจอกับความอยุติธรรมของสังคมในรูปแบบต่างๆ ที่ทั่วโลกก็เจอเหมือนกันหมดไม่ใช่แค่สังคมเกาหลีในเรื่องนี้ ตั้งแต่การกดขี่ข่มเหงของหัวหน้าต่อลูกน้อง การลวนลามในที่ทำงาน ปัญหาไม่มีเส้นสายก็ไม่ได้งานดีๆ ที่ฝันไว้ ความฉ้อฉลของนักการเมืองและผู้มีอำนาจ การแบ่งรังเกียจเหยียดชนชั้นคนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่หมดสิ้นไป ซึ่งตัวเรื่องออกแบบแต่ละเคสให้ไปเจอกับสิ่งพวกนี้ แล้วถ่ายทอดออกมาได้อย่างดี แม้อาจจะไม่ถึงกับบีบหรือขยี้ให้สุดๆ เพราะต้องจบในตอนมีเวลาไม่มากนัก แต่ก็ตัดกระชากอารมณ์คนดูที่กำลังตลกกับเรื่องมาตลอดให้สลดเศร้าใจไปกับเรื่องพวกนี้ได้ทันทีเหมือนกัน

รีวิว Mystic Pop-up Bar แฟนตาซีสายฮา ดราม่า ซึ้งประทับใจไปกับบาร์เหล้าลับแลในฝัน (อัพเดทจบ EP12) 8

อาหารทุกจานมีเรื่องราวลึกซึ้งพร้อมชวนหิวไปด้วยกัน

ด้วยความที่เรื่องราวเกิดในบาร์ที่มีลูกค้าเข้ามากินอาหาร ในแต่ละเคสจึงมีการบรรจงใส่ขั้นตอนการทำอาหารกับวิธีกินที่ถูกต้องเข้ามาด้วย อาหารแต่ละจานก็มีส่วนสำคัญกับเรื่องราวของลูกค้าแต่ละคน หลายครั้งเลยที่เป็นความผูกพันลึกซึ้งกับอาหาร กลายเป็นอาหารคือส่วนช่วยเยียวยาจิตใจของผู้คน แถมหน้าตาอาหารในเรื่องก็น่ากินทุกจาน ระหว่างที่ดูนี่ชวนหิวอยากกินตามได้เลย

รีวิว Mystic Pop-up Bar แฟนตาซีสายฮา ดราม่า ซึ้งประทับใจไปกับบาร์เหล้าลับแลในฝัน (อัพเดทจบ EP12) 9

ตัวละครสำคัญในเรื่อง

ผังตัวละครในเรื่อง
ผังตัวละครในเรื่อง

ตัวนักแสดงในเรื่องเอง “วอลจู” ที่แสดงโดย “ฮวังจองอึม” (Hwang Jung Eum)  สวยทรงเสน่ห์มากจริงๆ กับชุดด้วยชุดสวยๆ หลากหลายแบบ (อารมณ์คล้าย Hotel Del Luna ที่ IU เล่นเลย) มีสถานะกึ่งคนเป็นคนตายแบบได้รับอภิสิทธิ์ลงมาในโลกตามหน้าที่จากโลกวิญญาณ บวกกับนิสัยห้าวๆ หัวร้อนง่ายที่เธอแสดงออกมาได้ตลกดี แต่บทในตอนเด็กกับตอนโตมีนิสัยต่างกันมาก ซีรีส์จะค่อยๆ เล่าว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานั้น

รีวิว Mystic Pop-up Bar แฟนตาซีสายฮา ดราม่า ซึ้งประทับใจไปกับบาร์เหล้าลับแลในฝัน (อัพเดทจบ EP12) 10

ส่วนตัวพระเอกของเรื่อง “ฮันกังแบ” ที่แสดงโดย “ยุกซองแจ” (Yook Sung Jae) เป็นพระเอกเกาหลีที่ไม่จำเป็นต้องหล่อ แต่กลับดูซื่อๆ บ๊องๆ มีเสน่ห์เข้ากับบทได้เป็นอย่างดี (แอบเหมือนนักแสดงซีรีส์ญี่ปุ่นด้วยดูไม่เหมือนเกาหลีเลย) ซึ่งเขาต้องเล่นเข้าคู่กับ “ฮวังจองอึม” แทบตลอดเวลาเพราะตัวเรื่องทั้งคู่ต้องพึ่งพาสกิลพิเศษของกันและกัน แต่เธอไม่ใช่นางเอกของฮันกังแบหรอกนะ ในตอน 3 จะเปิดตัวละครใหม่ “คังยอริน” ที่เป็นนางเอกตัวจริงคู่กับเขา ที่มีความสามารถต้านทานพลังเปิดใจของพระเอกได้ และบทก็เล่นกับปมด้อยที่พระเอกไม่เคยมีสัมพันธ์ทางกายกับสาวๆ ที่ไหนเลยสักนิด ในขณะที่คังยอรินเองก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน และก็เป็นสาวแกร่งรักความยุติธรรม บุคลิกมีเสน่ห์มากๆ ต่างคนต่างเห็นข้อดีของกันทีละนิดๆ ออกแนวโรแมนติกเบาๆ น่าติดตาม เรื่องจึงทั้งฮาและน่ารักไปพร้อมกัน

รีวิว Mystic Pop-up Bar แฟนตาซีสายฮา ดราม่า ซึ้งประทับใจไปกับบาร์เหล้าลับแลในฝัน (อัพเดทจบ EP12) 11

ส่วนผู้ช่วยวอลจูอีกคน “หัวหน้ากวี” ที่แสดงโดย ชอยวอนยอง (Choi Won Young) ก็เล่นเข้าขากับทั้งสองวอลจูกับกังเบได้เป็นอย่างดี เป็นผู้จัดการร้านมีหน้าที่คอยช่วยเหลือวอลจู และก็เปิดเผยว่าเขาคืออดีตตำรวจโลกวิญญาณ ที่ซึ่งมีเครือข่ายไว้ช่วยเหลืองานของบาร์ลับแลแห่งนี้ได้ และก็มีสกิลเลียนแบบเป็นใครก็ได้ ไว้ใช้ในภารกิจของโลกจริงแนวสายลับสืบสวน ที่ยังคงความฮาและเชื่อมต่อกับโลกในฝันที่วอลจูสร้างไว้ตลอดเวลา (เป็นภารกิจคู่กันแบบล้วงความลับในฝันเพื่อมาใช้ในภารกิจโลกจริง) และตัวเขายังมีความลับของชาติก่อนที่เป็นปมสำคัญของเรื่องราวช่วงหลังมาก

รีวิว Mystic Pop-up Bar แฟนตาซีสายฮา ดราม่า ซึ้งประทับใจไปกับบาร์เหล้าลับแลในฝัน (อัพเดทจบ EP12) 12

ตัวบทสมทบหัวหน้ายมฑูตที่มักมาที่ร้านกินอาหารฟรี คอยช่วยวอลจูและหางานมาให้ แรกๆ อาจจะดูไม่สำคัญกับเรื่องเท่าไหร่ แต่พอครึ่งหลังไปจะเริ่มมีบทสำคัญย้อนหลังไปถึงอดีตชาติภพเก่าของวอลจู ที่เขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องที่ถูกปิดไว้อย่างคาดไม่ถึง…

รีวิว Mystic Pop-up Bar แฟนตาซีสายฮา ดราม่า ซึ้งประทับใจไปกับบาร์เหล้าลับแลในฝัน (อัพเดทจบ EP12) 13

สปอยล์ปมปริศนาของวอลจูในตอนจบ

ตัวเรื่องเปิดมาตอนแรกก็ทิ้งปมใหญ่ไว้ว่าแม่ของวอลจูตายและมอบปิ่นปักผมที่มีพลังเรียกหาคนที่เธอต้องการพบมากที่สุด ซึ่งปริศนาตอนแรกก็มาเฉลยเอาตอนจบสุดท้ายของเรื่องเลยว่า คนๆ นั้นคือกังเบนั่นเอง โดยกังเบเป็นลูกที่ตายในท้องของเธอ พ่อของกังเบคือหัวหน้ากวีหรือองค์รัชทายาทในอดีตนั่นเอง (ทั้งวอลจูกับหัวหน้ากวีไม่ใช่การกลับชาติมาเกิด แค่ได้ร่างมาเป็นคนทำหน้าที่ในโลกมนุษย์) และสาเหตุที่กังเบมีพลังเปิดใจผู้คน ก็เนื่องมาจากต้นไม้ศักสิทธิ์ที่ตายไปได้ย้ายเข้ามารวมกับวิญญาณของลูกในท้องวอลจูตอนที่ผูกคอตาย ทำให้เกิดมามีพลังเหมือนกับที่ต้นไม้ศักสิทธิ์มีหน้าที่รับฟังผู้คนที่เดือดร้อนในอดีต ตัวเรื่องจบลงที่ความตายของหัวหน้ากวีกับการตกลงไปในจิตใต้สำนึกที่ไม่มีที่สิ้นสุดในฝันของวอลจู แต่ว่าก็ถูกยมโลกกู้ร่างกลับมาได้พร้อมกับเพื่อนขององค์รัชทายาทที่เป็นผีร้ายจากในอดีตที่ฆ่าแม่ของวอลจู รวมถึงหัวหน้ากวีเองที่ตายไปในโลกมนุษย์ วิญญาณก็กลับมายมโลก และได้รับหน้าที่ให้มาช่วยวอลจูอีกครั้ง หลังจากที่วอลจูปฏิบัติภารกิจครบแสนคน (เคสสุดท้ายคือช่วยกังเบจากโลกในฝัน และตัดพลังการเปิดใจออกไปพร้อมกัน) เธอเลือกไม่ไปเกิดใหม่และขอมาเปิดบาร์ลับแลอีกครั้ง และกังเบก็กลับมาเจอทั้งคู่ทำงานต่อไปเหมือนเดิม 

รีวิว It’s Okay To Not Be Okay

It’s Okay to Not Be Okay เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน ซีรีส์เกาหลี Netflix เรื่องของคนสองคนกับความรักในเชิงจิตวิทยาที่โรแมนติก เศร้า เหงา อบอุ่น และตลกไปพร้อมกัน

หมายเหตุ: รีวิวจากการรับชม 16 ตอน และอัพเดทต่อไปจนจบ ไม่มีสปอยล์เนื้อหาสำคัญ

ซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่ของค่าย tvN ที่มาลง Netflix พร้อมกัน ออนแอร์ทุกสามทุ่มวันเสาร์-อาทิตย์ เรื่องราวของคนสองคนที่ผูกพันกันด้วยโชคชะตา แต่นิสัยใจคอของทั้งคู่แตกต่างกันมาก “มุนคังแท” (รับบทโดย คิมซูฮยอน) พระเอกของเรื่องเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนย้ายที่อยู่ที่ทำงานไปเรื่อยๆ กับพี่ชายที่เป็นออทิสติก “โกมุนยอง” (รับบทโดย ซอเยจี) นางเอกผู้เป็นนักเขียนนิยายเด็กที่มีชื่อเสียงในแนวดาร์ค และตัวเธอเองก็เป็นพวกต่อต้านสังคม มีความรุนแรงพร้อมระเบิดอารมณ์อยู่เสมอ แต่ทั้งคู่กลับตกหลุมรักกันด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดของกันและกัน เรื่องราวความรักนี้จึงไม่ธรรมดาแน่นอน…

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 1

ต้องบอกว่ามีความแปลกของเนื้อเรื่องแบบที่คาดเดายากว่าจริงๆ จะดำเนินไปเช่นไรในแต่ละตอน เพราะนอกจากบุคลิกนิสัยตัวเอกทั้งคู่จะแปลกพิสดารกว่าทั่วไปแล้ว เรื่องยังนำเสนอหลายอย่างกึ่งๆ เหนือจริงผสมเข้าไปด้วย ทั้งในแบบแฟนตาซี ผี จินตนาการ เพ้อฝัน โดยที่เก็บงำความลับเนื้อเรื่องไว้ค่อนข้างมากตั้งแต่เปิดฉากมาเลย เรื่องให้ทั้งคู่มาเจอกันโดยบังเอิญ ก่อนจะตัดแฟลชแบ็คย้อนอดีตที่มีความหลังร่วมกัน โดยมีนิทานของนางเอกมาเป็นตัวคั่นบอกเล่าปริศนานี้ว่า มีเด็กถูกลบฝันร้ายในความจำออกไปจากการไปขอแม่มด  แต่แล้วกลับพบว่าการลบความจำนั้นไปไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก มนุษย์ควรจะจดจำบาดแผลในใจไว้อยู่ เพื่อเติบโตแข็งแกร่งขึ้นมาจากประสบการณ์ในอดีตที่เลวร้าย ซึ่งตัวนิทานของนางเอกจะมีบอกเล่าเพิ่มทุกตอน ทั้งเรื่องที่แต่งขึ้นมาใหม่ และนิทานที่มีอยู่แล้วอย่าง เจ้าหญิงนิทรา ราพันเซล เคราน้ำเงิน  และเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏในแต่ละตอน เป็นการบอกเล่าเฉลยอ้อมๆ ถึงปริศนาทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทำให้ตัวเรื่องมีความเพ้อฝันหลอนๆ ลี้ลับกึ่งแฟนตาซีอยู่ตลอดเวลา

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 2

นอกจากเรื่องราวที่ไม่ธรรมดาตั้งแต่แรก สิ่งที่มาช่วยเน้นให้เรื่องนี้ไม่ธรรมดายิ่งขึ้นไปอีกก็คือ งานภาพที่งดงามวิจิตรพิสดารแปลกใหม่ตลอดเวลา ทั้งการใช้เงาสะท้อนกลับในมุมต่างๆ การถ่ายทำด้วยมุมกล้องหวือหวาแม้จะเป็นซีนตามทางทั่วไป การตัดต่อเชื่อมฉากหนึ่งไปอีกฉากแบบมีลูกเล่นไม่ธรรมดา การใช้ภาพแอนิเมชั่นลายเส้นจากนิยายของนางเอกที่เป็นแนวดาร์คแฟนตาซีหลอนๆ มาเล่าเรื่องแทนในบางครั้ง การใส่กรอบภาพพร้อมแสงสีฟุ้งนวลเหมือนจินตนาการเวลาแฟลชแบ็ค รวมถึงฉากแบบแฟนตาซีกับชุดสีเข้มลึกลับแนวโกธิคของนางเอกที่ตัดมาเป็นจินตนาการ แม้แต่การตัดภาพเล่าเรื่องเปลี่ยนนางเอกเป็นแนวสัตว์ประหลาดยักษ์เลยก็มี (แบบพวกหนังก็อดซิล่า) เรียกว่าเราสามารถมองข้ามเนื้อเรื่องไปแล้วสนุกกับการได้เห็นมุมมองวิชั่นด้านภาพที่สวยงามแปลกประลาดของเรื่องนี้ล้วนๆ เลยก็ยังได้ ซึ่งงานภาพแนวนี้ที่โดดเด่นเลยของฝรั่งต้นตำหรับก็มาจากผู้กำกับ ทิมเบอร์ตัน (ตัวอย่าง อลิซในแดนมหัศจรรย์เวอร์ชั่นล่าสุด) ที่หลายคนคงเคยดูมาบ้าง ซึ่งในเรื่องนี้หลายส่วนก็มีความเหมือนแนวทางของทิมเบอร์ตันเป็นอย่างมาก แต่นี่คือเรื่องดีเพราะทำให้เห็นเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ตั้งใจครีเอทรายละเอียดสร้างสรรค์กันทุกจุดจริงๆ

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 3

แม้ว่าทั้งตัวเรื่องและงานภาพจะโดดเด่นแปลกตามาก แต่เรื่องก็ไม่ได้ทิ้งแนวทางโรแมนติกของเกาหลีไป มีฉากขายฝันโรแมนติกของทั้งคู่ตลอดเวลาที่พบหน้ากันทุกครั้ง และก็ยังสอดคล้องไปกับความดาร์คที่เป็นธีมของเรื่องอยู่ มีฉากโรแมนติกจ้องหน้ามองตาใกล้ๆ แทบจะหายใจรดกัน ตัวภาพก็เลือกฟรีซนิ่งแช่ไว้แทบทุกครั้งที่มีฉากแบบนี้ให้คนดูได้อินฟินกันนานๆ ไปเลย

ถึงตัวเรื่องจะนำเสนอความดาร์คให้กับตัวละครทั้งคู่มีแบ็คกราวน์ชีวิตวัยเด็กที่เลวร้ายติดตัวจนมาถึงปัจจุบัน คนหนึ่งก็กลายเป็นพวกเร่ร่อนใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่ผูกสัมพันธ์กับใคร อีกคนก็ต่อต้านสังคมสุดโต่งแบบไม่ไว้หน้าใคร แต่ว่าตัวเรื่องก็ไม่ได้ดูหดหู่อะไรมากนัก เพราะมีฉากตลกแทรกเข้ามาอยู่เป็นระยะๆ ตลอดเรื่อง แม้กระทั่งช่วงที่เรื่องน่าจะดิ่งลง แต่กลับยิงมุกตลกร้ายซ้อนเข้าไปพร้อมกัน ทำให้เรื่องดูไม่หนัก มีอารมณ์ตลกตัดกันกับอารมณ์หน่วงๆ ที่เป็นเมนหลักของเรื่องได้ดี

คนเราหนีจากโชคชะตาตัวเองไม่ได้ ..แต่มันจะไปสำคัญอะไร ในเมื่อเรานี่แหละ คือโชคชะตา

3 ตัวละครหลักของเรื่อง

ตัวนักแสดงหลักของเรื่อง คิมซูฮยอน ที่รับบทพระเอกหนุ่มผู้ดูแลผู้ป่วยทางจิตในโรงพยาบาล รวมถึงการเฝ้าดูแลพี่ชายของเขาแบบแทบจะเป็นชีวิตจิตใจเล่นได้ดีมาก แม้จะมีฉากพยายามขายซิกแพ็คโชว์เรือนร่าง แต่ว่าการแสดงของเขากับใบหน้าตามบทที่ถูกเรียกจากนางเอกว่า “งดงาม” ก็เหมาะสมกันดี ในบทนี้จะเป็นคนที่เก็บกดมีบาดแผลในใจหลายอย่าง แต่ว่าก็พยายามแสดงออกมาเป็นปกติ แต่ลึกๆ ไม่ปกติ เป็นตัวละครที่สะท้อนคนปกติที่มีปัญหาทางจิต แต่มักไม่รู้ว่าตัวเองเป็น และจากปมทางจิตจากบาดแผลในใจก็ทำให้เขามาเป็นผู้ดูแลคนป่วยทางจิต และมีความเข้าใจในตัวผู้ป่วยเหล่านี้เช่นกัน

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 4

นางเอกซอเยจีเป็นหน้าตาของเรื่องนี้ เธอสวยแบบสะกดผู้ชมไว้ได้ตลอดเวลาทุกฉาก แถมด้วยแฟชั่นการแต่งกายที่ฉูดฉาดตัดกับทุกอย่างในซีนนั้นๆ ทำให้เธอมีสีสันที่โดดออกมาจากทุกสิ่งทุกอย่างในฉากตลอดเวลา และในเรื่องการแสดงกับบทนางเอกแนวอารมณ์ร้ายกึ่งโรคจิตก็ทำได้ดีเลย แม้จะรู้สึกว่าบทพยายามให้ฉากร้ายๆ ของเธอดูสวยไปด้วยทุกครั้ง แต่ก็ทำให้ฉากเหล่านั้นดูมีอะไรมากกว่าแค่การให้นักแสดงใช้บทพูดและอารมณ์เล่าออกมาเพียงอย่างเดียว และก็มีความเป็นตลกร้ายจากความคิดบิดเบี้ยวฉีกกรอบศีลธรรมของนางเอกปนอยู่ด้วยเสมอ

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 5

นอกจากนี้ตัวละครหลักก็ไม่ได้มีแค่พระเอกนางเอก แต่เรื่องนี้พี่ชายออทิสติกของพระเอก “มุนซังแท” (รับบทโดย โอจองเซ) คือตัวละครหลักอีกคนที่แทบจะตัวติดกันกับพระเอกแทบทุกฉาก ด้วยบทถูกวางไว้เขามีห่วงดูแลพี่ชายตลอดเวลา แม้แต่อยู่ห่างไปก็ต้องโทรหาเสมอ ซึ่งอาการออทิสติกในเรื่องก็ถูกถ่ายทอดออกมาทั้งน่าสงสารและมีความน่ารักควบคู่กันไป บทพี่ชายของพระเอกจึงมีความสำคัญกับเรื่องมาก และก็มีส่วนสำคัญกับอดีตอันเป็นปริศนาเกี่ยวกับการตายของแม่ และผีเสื้อสีฟ้าที่ตามมาหลอนเขาเสมอ แถมยังเป็นแฟนนิยายตัวจริงของนางเอก เขาจึงเป็นตัวผูกเรื่องที่สำคัญมาก และก็เล่นได้อย่างโดดเด่นจนเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลยทีเดียว

It’s Okay to Not Be Okay เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน
It’s Okay to Not Be Okay เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน

บาดแผลในวัยเด็กคือความลับสำคัญของเรื่องนี้

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 6

ตัวเอกทั้ง 3 คนต่างมีฉากแฟลชแบ็คย้อนกลับไปยังสมัยเด็กเป็นระยะๆ โดยเรื่องเผยให้เห็นว่าทั้ง 3 คนต่างมีอดีตดำมืดในเมืองบ้านเกิดที่เดียวกัน โดยพระเอกคือการสูญเสียแม่ไปจากการถูกฆาตกรรมปริศนา (พ่อเสียไปก่อนนานแล้ว) พี่ชายที่เห็นเหตุการณ์เพียงคนเดียวกลับจดจำอะไรไม่ได้นอกจาก “ผีเสื้อ” และก็กลายเป็นความกลัวผีสื้อทุกอย่างที่ฝังใจมากจนถึงปัจจุบัน ทางด้านของนางเอกคือปมปริศนาของครอบครัวที่เธอต้องสูญเสียพ่อกับแม่ไปในแบบไม่ปกติ ซึ่งตัวเรื่องจะกุมความลับนี้ไว้แน่นหนา แม้จะรู้ว่าพ่อของเธอเกลียดชังเธอและปัจจุบันป่วยอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชที่พระเอกทำงานอยู่ แต่ก็ไม่รู้รายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในปราสาทลึกกลางป่าที่เป็นบ้านของเธอในอดีต

นักแสดงเด็กเล่นสอดคล้องไปกับตอนโตได้อย่างสมบูรณ์แบบ

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 7

เรื่องนี้ใช้นักแสดงตอนเด็ก 3 คนหลักออกมาประจำควบคู่ไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 3 คนมีความเกี่ยวพันกันมาก่อนหลายอย่าง ซึ่งนิสัยตอนเด็กกับตอนโตแทบจะไม่ต่างกันมาก เด็กทั้ง 3 คนก็เล่นได้อย่างไร้ที่ติ โดยเฉพาะบทพี่ชายออทิสติกส์ของพระเอกที่มีความสำคัญกับเรื่องมาก นักแสดงตอนเด็กแทบจะเหมือนทั้งหน้าตาท่าทางกับ โอจองเซ นักแสดงตอนโตแบบไม่มีผิดพลาดเลยแม้แต่น้อยครับ

อาการทางจิตที่ต้องการคนมาเข้าใจและเยียวยา

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 8

เป็นเรื่องที่เห็นเด่นชัดเอามากๆ ในเรื่องนี้ว่าต้องการนำเสนอมุมมองลึกซึ้งของคนป่วยเป็นโรคจิตเภทในแบบต่าง อย่างนางเอกจะเห็นเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ จากโรคลักขโมยสิ่งของ (kleptomania หรือ pathological stealing) เป็นโรคทางจิตเวชประเภทหนึ่ง ที่ไม่สามารถยับยั้งใจต่อแรงกระตุ้นที่จะลักขโมยได้ ซึ่งตอนแรกอาจจะดูแค่ว่าเธอนิสัยไม่ดี แต่พอเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ อาการทางจิตของเธอจะแสดงออกมาหลายแบบเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการควบคุมอารมณ์ไม่ได้ และการแสดงออกถึงความรู้สึกตรงๆ ในแบบผิดปกติจากคนทั่วไป  ซึ่งตัวพระเอกเองมองเห็นและรู้ว่าเธอจิตไม่ปกติ แต่ตัวเขาเองก็เก็บกดความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆ ไว้จนบางครั้งก็ระเบิดออกมา  และการเยียวยาของเขาคือการยอมรับความรู้สึกที่ลึกๆ มีให้นางเอกตั้งแต่เด็ก แต่เขาก็ปฏิเสธมันไปด้วยตัวเองจนทั้งคู่กลับมาเจอกันอีกครั้งในสภาวะจิตที่สะสมมาจนโตมาแบบไม่ปกติกันทั้งคู่ ซึ่งมันจะเป็นไปได้หรือกับความรักที่ต่างฝ่ายต่างไม่เหมือนคนปกติทั่วไปในสังคม นี่เป็นสิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้ตั้งคำถามไว้ และก็สอดคล้องไปกับชื่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 9

และไม่ใช่แค่ตัวละครหลัก แต่เรื่องนำเสนอตัวละครใหม่แทรกเข้ามาเป็นเคสที่เกิดในโรงพยาบาลที่พระเอกทำงานอยู่ ซึ่งดำเนินเรื่องแบบให้ความสำคัญแยกออกมาเลย อย่างในตอน 3-4  เป็นเรื่องของลูกชายของ สส. ดังที่ป่วยเป็นโรคไบโพล่าร์ (โรคอารมณ์สองขั้ว) ที่ปกติจะถูกนำเสนอด้านดิ่งซึมเศร้า แต่ในเรื่องนี้นำเสนอด้านอารมณ์ดีเกินผิดปกติ และใส่อาการทางจิตอื่นๆ แบบโรคชอบโชว์ร่างกายของลับให้คนอื่นดู แม้จะดูตลกๆ แต่ว่าพอถึงจุดพีคของเรื่องกลับเป็นความเศร้าขึ้นมาทันที ซึ่งตัวเรื่องตั้งใจพาคนดูดิ่งขึ้นลงเหมือนการเป็นไบโพลาร์ของเรื่องเลย และก็ทำได้ถึงเอามากๆ กับการนำเสนอที่ตัดขั้วตลกกับเศร้ากันทันทีแบบนี้ และเรื่องก็แฝงมุมมองแง่คิดหลายอย่างให้กับคนดูด้วยเช่นกัน

ต่างคนต่างเยียวยากันและกัน

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 10

ตัวละครหลักทั้ง 3 คนในเรื่องต่างมีปมบาดแผลหลายอย่างในอดีต และก็ส่งผลมาถึงปัจจุบันกันทุกคน ซึ่งเรื่องจะค่อยๆ ให้ทั้ง 3 ได้ค่อยๆ เข้ามาเกี่ยวพันใช้ชีวิตด้วยกัน ในกรณีของพี่ชายออทิสติกของพระเอกที่ถูกปกป้องโดยพระเอกมาตลอด ลึกๆ กลับต้องการมีชีวิตเป็นของตัวเองในสิ่งที่เขารัก ซึ่งก็มาพบกับนางเอกที่เป็นนักเขียนนิทานเด็กที่มีปัญหาการควบคุมอารมณ์ไม่ได้ และต้องการคนมาเข้าใจ ส่วนตัวพระเอกคือ อดีตที่พยายามลบลืมไป และความรู้สึกที่ต้องแบกภาระพี่ชายไว้ตั้งแต่เด็ก แม้เขาจะต้องเสแสร้งก็ตาม ทั้งสามคนนี้เมื่อได้มาเกี่ยวพันกัน ต่างคนต่างก็เยียวยากันและกัน เรื่องราวส่วนนี้ได้ละมุนมาก เรื่องค่อยๆ เผยปม เผยความรู้สึกลึกๆ ที่แท้จริงให้กัน ซึ่งทั้งน่าสงสาร เศร้า หดหู่ แต่ก็มีความอบอุ่นลึกซึ้งอยู่ในเนื้อหาลึกๆ ทุกตอน

ปัญหาครอบครัวออทิสติกส์

ในเรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวของซังเทกับคังเท สองพี่น้องที่สลับบทบาทกันน้องชายต้องดูแลพี่ชายที่เป็นออทิสติกส์มาตั้งแต่เด็กเพราะแม่สั่งไว้ให้ดูแลพี่ชายไปตลอดชีวิต เป็นเหมือนภาระผูกพันกับเขาตลอดไปจนไม่อาจจะแบกรับชีวิตใครได้อีก ซึ่งปัญหาแบบนี้ไม่ใช่แค่สร้างมาในละคร แต่เกิดกับครอบครัวออทิสติกส์ทั้งโลก ที่พ่อแม่ก็ต้องดูแลลูกตลอดไป และพยายามฝึกให้ช่วยเหลือตัวเองได้มากที่สุด แต่พอมีลูกอีกคนที่ปกติก็มักจะฝากฝังให้ดูแลคนที่เป็นออทิสติกส์ไปตลอด อาจจะด้วยมุมมองว่าพี่น้องต้องดูแลกัน แต่มันกลับกลายเป็นความรู้สึกไม่เท่าเทียมและก็น้อยเนื้อต่ำใจในฐานะลูกที่พ่อแม่รักไม่เท่ากันได้ และก็มักจะทำให้เป็นคนเก็บกดความรู้สึกนี้ไว้จนระเบิดออกมาได้ ซึ่งตัวเรื่องก็หยิบมาเป็นปมในจิตใจของพระเอกที่ลึกๆ อยากหลุดจากภาระนี้ถึงขั้นเกลียดพี่ชาย แต่อีกใจก็ตัดความรู้สึกพี่น้องไม่ขาด เพราะรู้ว่านี่ก็ไม่ใช่ความผิดของพี่เลยแม้แต่น้อย ตัวเรื่องในจุดนี้จึงเป็นอะไรที่กระชากหัวใจคนดูอย่างมากทุกครั้งที่มีฉากขัดแย้งกันทางอารมณ์ของซังเทกับคังเทแบบรุนแรง แม้จะจบลงด้วยดี แต่ว่าก็เป็นเหมือนบาดแผลในใจที่สะสมไว้เรื่อยๆ

ใครสนใจดูเรื่องราวแบบเดียวกันแนะนำเรื่องนี้เลย Atypical เรื่องราวครอบครัวเด็กออทิสติกที่ผิดแปลกแตกต่าง ซีรีส์น้ำดีมาก อาจจะดูฟีลกู้ดใสๆ แต่ตัวเรื่องนำเสนอปัญหาในครอบครัวแบบนี้ไว้ครบถ้วนมากๆ ครับ

บทโรแมนติกละมุน อบอุ่น ผ่านปมปัญหาทางจิต ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

เรื่องนำเสนอความโรแมนติกในแบบที่ต่างออกไป ด้วยการให้ตัวละครในเรื่องมีปมติดล็อคในจิตใจ และจะปลดล็อคได้ก็ด้วยการช่วยเหลือจากคนอื่น อย่างตัวนางเอกที่มักอารมณ์ร้าย แต่ก็เป็นคนเข้าใจคนป่วยด้วยกันในมุมมองที่ต่างออกไป และให้เจอกับสิ่งที่ปวดร้าวในใจแบบตรงไปตรงมา แม้จะดูว่ารุนแรง แต่ก็ทำให้ผู้ป่วยได้เผชิญหน้ากับความจริง จนช่วยคลายล็อคในใจของผู้ป่วยได้ และสะท้อนกลับมาทำให้เธอปลดล็อคตัวเองได้เช่นกัน และยังส่งต่อความรู้สึกดีๆ ไปยังตัวพระเอก ทำให้เขามีมุมที่เปลี่ยนไปทั้งกับตัวเองและที่คิดกับเธอ ซึ่งฉากคลายล็อคพวกนี้ตัวเรื่องใส่มาทีละนิดๆ ค่อยเป็นค่อยไปในแบบพอดีๆ ดูละมุน อบอุ่น โดยไม่ต้องมีฉากจูบ ทำให้ตัวเรื่องโรแมนติกเดินหน้าไปเบาๆ แบบที่ควรจะเป็นตามบทความรักของผู้ป่วยทางจิตได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 11

เรื่องนี้มีส่วนแฟนตาซีหรือเรื่องเหนือธรรมชาติจริงหรือไม่?

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 12

น่าจะเป็นคำถามสำคัญที่หลายคนติดตามดูและอยากรู้ว่าตัวเรื่องจะมีอะไรแบบนี้เข้ามาจริงๆ หรือไม่ เพราะหลายอย่างจากสิ่งที่ปรากฎในเรื่องให้คนดูเห็นดูเหมือนจะทำให้คิดว่าต้องมี แต่ที่จริงตัวเรื่องต้องการนำเสนอในรูปแบบเดียวกับหนังดาร์คแฟนตาซี Pan’s Labyrinth (ชื่อไทย อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต) ที่เล่นเรื่องจินตนาการของเด็กหญิงที่ต้องการหลีกหนีจากความโหดร้ายของยุคสมัยสงคราม โดยคิดว่าตัวเองคือเจ้าหญิงที่ต้องมีภาระหน้าที่ในอีกโลกหนึ่ง และตัวเรื่องต้องการให้ผู้ชมคิดตามว่าสิ่งที่เห็นเป็นจริงหรือไม่ โดยไม่มีคำตอบตรงๆ ไว้ในเรื่องเลย (แต่มีใบ้ว่าจริงไม่จริง) ซึ่งนางเอกในเรื่องนี้ก็คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงในนิทานเช่นกัน โดยมีตัวร้ายเป็นแม่กับพ่อของเธอ เรื่องเหนือธรรมชาติที่เห็นในเรื่องนี้จึงเป็นอาการป่วยทางจิตของนางเอกเท่านั้น (เห็นภาพหลอน มโนเพ้อคิดไปเอง)

การบอกเล่าเรื่องจริงผ่านนิทาน (มีสปอยล์)

ตัวละครหลักมีอดีตอันเลวร้ายฝังอยู่ แต่เรื่องไม่ได้เล่าออกมาตรงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ซีรีส์เรื่องนี้กลับเลือกใช้การเล่านิทานเปรียบเหมือนการเล่าเหตุการณ์จริงในอดีตแบบอ้อมๆ ซึ่งนิทานที่หยิบมาเล่า โดยเฉพาะเรื่องของนางเอกดูเหมือนจะเลวร้ายเอามากๆ อย่างเรื่อง เคราน้ำเงิน ที่ตัวเรื่องในนิทานคือ สามีเคราน้ำเงินเป็นคนรวยมีอำนาจ แต่มีความผิดปกติในจิตใจ มักฆ่าเมียตายแล้วตัดหัวเก็บไว้ในห้องเก็บของ จนมาถึงคนล่าสุดที่เขาห้ามแล้วไม่ให้เธอลงไปทีห้อง แต่เมื่อเธออยากรู้อยากเห็นลงไป สุดท้ายก็เลยพบจุดจบแบบเดียวกัน ซึ่งในเรื่องจริงพ่อนางเอกเข้าโรงพยาบาลจิตเวช แม่ตายแบบปริศนา ตัวนิทานเคราน้ำเงินที่ถูกเล่าออกมาโดยนางเอกเองก็เป็นเหมือนการเฉลยเรื่องนี้แบบอ้อมๆ นั่นเองครับ

มุมมองใหม่ผ่านนิทาน

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 13

ไม่ใช่แค่เรื่องจริงในอดีตของตัวละครถูกเล่าผ่านนิทาน แต่ตัวเรื่องยังใช้นิทานที่คุ้นเคยกันดีมานำเสนอมุมมองใหม่ตีความแตกต่างออกไปอย่าง บิวตี้แอนด์เดอะบีสต์ โฉมงามกับเจ้าชายอสูตรใน EP8 ก็เป็นมุมมมองของโกมุนยองที่เห็นว่า นางเอกในเรื่องถูกจับมาขังแล้วเป็นโรคทางจิต สต็อกโฮล์ม ซินโดรม (โรคจำเลยรัก) เป็นอาการของคนที่ตกเป็นเชลยหรือตัวประกันเกิดมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนที่เป็นคนร้ายหลังจากต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง หรือ อย่างพระราชาหูลา ที่ตอนจบถูกลงโทษเพราะรักษาความลับให้พระราชาไม่ได้ ก็เป็นมุมมองว่าถ้าอัดอั้นตันใจอะไรก็ควรจะนินทาคนอื่นลับหลังไปเลย ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แทนที่จะเก็บความลับไว้ทำให้ตัวเองลำบากใจ ซึ่งมุมมองเหล่านี้แม้จะดูร้ายๆ จากตัวนางเอกโกมุนยอง แต่ว่าก็เป็นเรื่องจริงอีกมุมที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน

ตัวละครสมทบที่เด่นมากเช่นกัน

แม้ว่าตัวพระเอกนางเอกจะเด่นมากในเรื่อง แต่ตัวเรื่องก็มีบทให้ตัวละครสมทบหลายคนโดดเด่น อย่างที่เห็นได้ชัดเลยคือ บทผู้ช่วยประธานสำนักพิมพ์หนังสือของนางเอก ที่รับบทโดย Park Jin-Joo ที่นอกจากจะหน้าตาน่ารักมาก บทยังมีความกวนโอ้ยอยู่บ่อยๆ ลับหลังประธานที่ใส่การแสดงโอเวอร์แอ็กติ้งเข้ามาเยอะ ทำให้บทประธานสำนักพิมพ์นี้ก็เรียกเสียงฮาได้เรื่อยๆ เช่นกัน

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 14

นอกจากนี้แล้วตัวละครสมทบทุกตัวในเรื่องต่างก็มีมุมน่ารัก อบอุ่น มีเรื่องราวความรักของแต่ละคนแตกต่างออกไป ซึ่งเรื่องใส่แทรกมาเป็นระยะๆ แบบกำลังดีและสอดคล้องไปกับเรื่องราวหลักด้วยเช่นกัน จนบางทียังน่าติดตามกว่าคู่พระเอกนางเอกที่เน้นดราม่าเยอะมากด้วยครับ

รีวิว It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์จิตวิทยาที่โรแมนติก อบอุ่น ละมุน และงดงาม (อัพเดท 16 EP จบ) 15

ปมฝันร้ายในอดีตที่เป็นทั้งส่วนดีและจุดบอดของเรื่อง

ตั้งแต่ EP11 ไปตัวเรื่องจะเข้าสู่ช่วงของปมในอดีตที่เกี่ยวกับการตายของแม่พระเอกและแม่ของนางเอก รวมถึงฝันร้ายของพี่ชายพระเอกว่าเกิดอะไรกันขึ้นแน่ และปมนี้จะทำให้ทั้ง 3 คนมีปัญหากันหรือไม่ ซึ่งตัวเรื่องจะดูผิดแปลกไปจากช่วงที่ผ่านมาพอสมควร แม้ว่าตัวปมสำคัญตรงนี้จะเป็นจุดกำเนิดปัญหาทางจิตใจของตัวละครหลักทั้ง 3 คน และก็ทำได้น่าติดตาม แต่พอช่วงเฉลยกลับมีความไม่สมเหตุผลของเรื่องหลายอย่าง แถมจุดนี้ก็เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของช่วงก่อนจบ (เคลียร์ปมตอน EP14) โดยแค่แทรกมาสั้นๆ ก่อนจะกลับมาสู่ธีมเรื่องราวปกติ จึงทำให้ส่วนนี้ดูแปลกแยกไปจากเรื่องค่อนข้างมากไปจนเป็นจุดบอดเพียงอย่างเดียวของเรื่องนี้จริงๆ

สปอยล์+รีวิวปัญหาความไม่สมเหตุผล

แม่ของนางเอกฆ่าแม่ของพระเอก ก่อนที่จะถูกสามีฆ่าตามมาหลังรู้ว่าเธอไปฆ่าคนมา โดยที่โกมุนยองตอนเด็กเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และเรื่องก็แสดงให้เห็นว่าแม่ของนางเอกตายจริงๆ จากโดนถ่วงน้ำ แต่กลายเป็นว่าเธอยังไม่ตาย และกลับมาสวมรอยเป็นหัวหน้าพยาบาล โดยที่ขาดคำอธิบายว่าเธอรอดมาได้ยังไง และตัวคนไข้ที่เธอหลอกใช้ก็ตัดบทหายไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งส่วนนี้ค่อนข้างไม่เคลียร์เอามากๆ แถมยังแทรกมาขัดโทนเรื่องปกติที่ลงตัวมาตลอดด้วย

[รีวิว] “The King: Eternal Monarch”

“ขอบคุณนะ… ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา การที่ได้รู้ว่าเธอมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง

มันทำให้ฉันเหงาน้อยลง”

[รีวิว] 'The King Eternal Monarch' การกลับมาของ 'อีมินโฮ' ในโลกคู่ขนานและการเป็นราชัน

‘The King Eternal Monarch จอมราชัน บัลลังก์อมตะ’ ซีรีส์เปิดตัวแรงที่โชว์ให้เห็นทั้งงานสร้างสุดอลังการ และพล็อตเรื่องที่น่าสนใจได้ตั้งแต่ทีเซอร์ตัวแรกที่ปล่อยออกมา ทั้งยังเป็นผลงานซีรีส์เรื่องแรกของ ‘อีมินโฮ’ ในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่โบกมือลาแฟน ๆ เข้ากรมทหารไป การกลับมาครั้งนี้ของสามีแห่งชาติจึงเข้ามาสร้างความคาดหวังเอาไว้ในใจคนดูในทันที ว่ามันจะต้องกลายเป็นอีกหนึ่งซีรีส์แห่งปี ไม่แพ้ Crash Landing On You อย่างแน่นอน

เรื่องย่อ 

ซีรีส์แนวโรแมนติก-แฟนตาซี เล่าเรื่องราวของจักรพรรดิ ‘อีกน’ (แสดงโดย อีมินโฮ) กษัติย์หนุ่มแห่งจักรวรรดิเกาหลีที่พยายามจะปิดประตูโลกคู่ขนาน ที่ครั้งหนึ่งถูกเปิดขึ้นออกโดย ‘อีริม’ (แสดงโดยโดย อีจองจิน) อาชญากรร้ายผู้มีศักดิ์เป็นลุงแท้ ๆ ที่พยายามตั้งตนเป็นกบฏเพื่อโค่นล้มอำนาจเก่า และหมายจะฆ่าเขาให้ตายตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่าปีศาจร้ายตนนี้จะสามารถหลบหนีการตามล่าของเหล่าทหารองค์รักษ์ไปสู่อีกโลกคู่ขนานได้สำเร็จ แต่ทางด้านสายสืบสาวในโลกปัจจุบันอย่าง ‘จองแทอึล’ (แสดงโดย คิมโกอึน) ที่ได้รับรู้ถึงความจริงของเรื่องโลกขนานและภัยร้ายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้โลกของเธอมากขึ้นทุกที เธอจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องคนที่เธอรักไว้ให้ได้ ด้วยการร่วมมือกับ อีกน นั่นเอง

เขียนบท : คิมอึนซุก (ผลงานที่ผ่านมา Goblin , Descendants of the Sun , The Heirs ฯลฯ)

กำกับ : แพคซังฮุน (ผลงานที่ผ่านมา Descendants of the Sun , School 2015 ฯลฯ)

จำนวนตอนทั้งหมด : 16 Episodes

นักแสดงนำ :

  • อีมินโฮ แสดงเป็น พระเจ้าอีกน
  • คิมโกอึน แสดงเป็น ลูน่า และ จองแทอึล
  • อูโดฮวาน แสดงเป็น โจอึนซอบ และ โจ ยอง

ช่องทางรับชม : The King Eternal Monarch จอมราชัน บัลลังก์อมตะ

[รีวิว] 'The King Eternal Monarch' การกลับมาของ 'อีมินโฮ' ในโลกคู่ขนานและการเป็นราชัน

ความรู้สึกหลังดู

[รีวิว] 'The King Eternal Monarch' การกลับมาของ 'อีมินโฮ' ในโลกคู่ขนานและการเป็นราชัน

โลกคู่ขนานในฉบับเกาหลี

มันก็จริงที่ ‘The King Eternal Monarch จอมราชัน บัลลังก์อมตะ’ อาจไม่ใช่ซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกที่พยายามจะดึง ‘ทฤษฎีโลกคู่ขนาน’ มาใช้เป็นแกนหลักในการดำเนินเนื้อเรื่อง เพราะไม่ว่าจะเป็น Signal , Time Slip Dr. Jin , W two worlds ฯลฯ ต่างก็เป็นซีรีส์เกาหลีชั้นเยี่ยมที่เล่าเรื่องราวในโลกคู่ขนานให้ออกมาลึกซึ้งและสนุกสนาน จนสร้างความประทับใจให้คนดูได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะเดียวกันก็คงไม่มีซีรีส์เรื่องไหนที่กล้าบ้าบิ่นมากพอจะรื้อประวัติศาสตร์ที่มีอยู่จริงของชาติตัวเองกลับไปจนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญบางอย่างในอดีต แล้วล้างไพ่ทั้งหมดที่มีเพื่อสร้างโลกอีกใบขึ้นมาใหม่ โลกที่ไม่เคยมีอยู่จริง โลกที่ไม่มีตัวอย่างใดให้เห็น โลกที่จักรวรรดิเกาหลี (the Kingdom of Corea) ยังไม่สิ้นการปกครองภายใต้ระบอบกษัตริย์แบบทุกวันนี้ และยังคงดำรงการปกครองโดยราชวงศ์มาได้จนถึงปัจจุบัน

[รีวิว] 'The King Eternal Monarch' การกลับมาของ 'อีมินโฮ' ในโลกคู่ขนานและการเป็นราชัน

เราจึงจะได้เห็นอารยธรรมใหม่ บรรยากาศใหม่ของจักรวรรดิเกาหลี ที่ยังคงกลิ่นอายเดิมที่เราคุ้นเคยไว้ได้อย่างดี แต่ก็มีรสชาติใหม่ ๆ ผสมเข้ามา ทั้งราชวังที่สวยงามตระการตาแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหน รถรางใจกลางเมืองหลวงพร้อมสภาพเมืองที่เปลี่ยนไป หรือแม้กระทั่งพระราชพิธีต่าง ๆ ก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้อย่างงดงามและสมจริงจนน่าขนลุก

และเมื่อพูดถึงเรื่องราวของโลกคู่ขนานแล้ว แน่นอนว่าอีกหนึ่งความน่าสนใจของเรื่องนี้ก็ต้องตกไปอยุ่ที่ปม ‘ตัวละคร’ ต่าง ๆ ที่หากว่า ตัวเราในโลกหนึ่งเป็นคนแบบนี้ แต่ตัวเราอีกคนในอีกโลกหนึ่งก็จะกลับเป็นคนละขั้วกันเลยทีเดียว เช่น นิสัยใจคอ พื้นฐานตระกูลและครอบครัว รวมไปถึงชนชั้นทางสังคมที่ต่างเป็นคู่ตรงข้ามของกันและกันเหมือนกับ ‘หยินหยาง’ ทำให้สามารถสอดแทรกประเด็นสังคมสุดฮอตอย่างเรื่อง ‘ความเหลื่อมล้ำในสังคม’ ในเนื้อเรื่องได้อย่างแนบเนียนและน่าสนใจ ส่งผลให้ซีรีส์เรื่องนี้ดูมีคุณค่า และดูคุ้มค่าต่อการรับชมมากเลยทีเดียว

[รีวิว] 'The King Eternal Monarch' การกลับมาของ 'อีมินโฮ' ในโลกคู่ขนานและการเป็นราชัน

เนื้อเรื่องเปิดปัง แผ่วปลาย คล้ายจะหลับ

และเมื่อเราถูกซีรีส์หลอกล่อให้ตายใจด้วยงานสร้างสุดอลังการแล้ว เราจึงเต็มใจพาตัวเองมานั่งหน้าจอทีวีแล้วเปิดซีรีส์เรื่องนี้ดูอย่างใจจดใจจ่อในทันที ซึ่งการเปิดซีรีส์ด้วยเหตุการณ์การลอบปลงพระชนม์พระเจ้าอีโฮกษัตริย์แห่งจักวรรดิเกาหลี เพื่อทำการแย่งชิงสมับัติชาติอย่าง ‘มันพาชิกช็อก’ ขลุ่ยวิเศษที่จะนำมาซึ่งพลังอำนาจลึกลับมาให้ผู้ถือครอง จนนำไปสู่เรื่องราวในยุคปัจจุบันนั้นถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ทั้งฉากแอ็กชันสุดลุ้นระทึก ที่มีส่วนผสมของพาร์ทความเป็นแฟนตาซีและฉากแอ็กชันไว้อย่างลงตัว ซึ่งมุมกล้องที่ใช้ก็ถือว่าแปลกใหม่เหมาะสมในการเล่าเรื่องราวแนว ๆ นี้มาก ไปจนถึงการวางปมดรามาของแต่ละตัวละคร ก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างเข้มข้นน่าติดตาม ภาพรวมทั้งหมดในช่วงแรกจึงเรียกได้ว่าสมกับเป็นซีรีส์เกาหลีทุ่มทุนสร้างของปีนี้เลยจริง ๆ

[รีวิว] 'The King Eternal Monarch' การกลับมาของ 'อีมินโฮ' ในโลกคู่ขนานและการเป็นราชัน

แต่เมื่อผ่านช่วงแรกไปได้ไม่นาน กราฟความน่าตื่นเต้นและน่าติดตามต่าง ๆ ก็ลดฮวบจนน่าตกใจ เพราะว่าใน 1 ตอนที่กำลังจะหมดไปนั้น ซีรีส์แทบไม่ได้ทำอะไรกับเวลาที่เหลือให้คุ้มค่าเลยนอกจากการแนะนำตัวละครให้เราได้พอรู้จักไปอย่างผิวเผิน แล้วทิ้งปมเรื่องในตอนแรกไปซะดื้อ ๆ โดยที่ไม่มีการขยี้หรือขยายความจุดสำคัญใด ๆ เพิ่มเติมอีกเลย เนื้อเรื่องทั้งหมดจึงดำเนินไปอย่างอืดอาดยืดยาด เต็มไปด้วยบทสนทนาหลวม ๆ และมุกตลกแห้ง ๆ ในบางช่วง ที่กล้าพูดเลยว่า ถ้าไม่มีความหล่อของสบายตาของ อีมินโฮ ช่วยเอาไว้ ก็อาจจะจอดกับเรื่องนี้ไปตั้งแต่ Ep. แรกนี่แหละ

[รีวิว] 'The King Eternal Monarch' การกลับมาของ 'อีมินโฮ' ในโลกคู่ขนานและการเป็นราชัน

เสน่ห์ล้นเหลือของ ‘คิมโกอึน’ ที่ช่วย #saveเนื้อเรื่อง เอาไว้ได้

แม้ระหว่างทางที่กำลังฉายซีรีส์เรื่องนี้อยู่จะเจอมรสุมทั้งกระแสซีรีส์ที่ไม่เปรี้ยงอย่างที่คิด หรือจะเกิดกระแสแอนตี้ ‘คิมโกอึน’ ในบทบาทนางเอกคู่กับพระเอกดังอย่าง ‘อีมินโฮ’ ขึ้นทั้งในเกาหลีและไทย ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘เพราะไม่สวยพอจึงทำให้ซีรีส์แป้ก’ ‘เพราะไม่เด่นพอจะเคียงคู่กับพระเอกดัง’ หรือแม้กระทั่ง ‘ทำไมถึงเป็นนางเอกได้ทั้งที่หน้าตาธรรมดา’ และอีกสารพัดเหตุผลที่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ในฐานะคนที่เลือกจะดู Ep. 2 ต่อไป ‘คิมโกอึน’ นี่แหละคือความหวังเดียวของหมู่บ้านเลยก็ว่าได้!

เพราะทั้งตอนของ Ep. 2 นั้นเต็มไปด้วยความน่าเบื่อ อืดอาดยืดยาด และการเล่าเรื่องชวนหลับแทบทั้งสิ้น จนเรื่องราวไม่มีอะไรคืบหน้าไปมากกว่า Ep. 1 เลย แถมยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าคาแร็กเตอร์ ‘พระเจ้าอีกน’ (แสดงโดยอีมินโฮ) นั้น นอกจากการตีความบทบาทและแสดงออกถึงบุคลิกความเป็นกษัตริย์หนุ่มผู้แสนสุขุมและอบอุ่นที่มินโฮเองก็ทำได้ดีแล้ว มุมอื่น ๆ ที่เหลือของตัวละครนี้ก็แทบจะไม่มีอะไรที่ทำให้เราภักดีกับซีรีส์เรื่องนี้ได้อีกต่อไป ทั้งความบทพูดแสนน้ำเน่าที่ชอบโพล่งออกมาแบบไม่รู้เวล่ำเวลา ความเพ้อเจ้อ และดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรใด ๆ เลย กับการที่เขาหลงมิติมายังที่ไหนก็ไม่รู้ แถมยังหาทางกลับไม่ได้ การพบเจอกับเรื่องราวแฟนตาซีหลุดโลกขนาดนี้ เรากลับไม่ได้เห็นความพยายามแก้ปัญหาหรือท่าทีตระหนกใด ๆ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังมีเวลามาใจเย็นตามจีบนางเอกด้วยคำพูดคำจาที่ดูไม่น่าเชื่อถือ พร่ำเพ้อถึงแต่เรื่องอีกโลกหนึ่งอยู่ได้ทุกวี่วัน จนกลายเป็นตัวละครน่ารำคาญไปซะงั้น ความพังหลาย ๆ อย่างใน  Ep. 2 ล้วนมีส่วนทำให้ความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้มาถึงจุดวิกฤตหนักเข้าจนได้

แต่ในทางตรงกันข้าม กับบทบาทตำรวจหญิงแกร่งอย่าง ‘จองแทอึล’ (นำแสดงโดย คิมโกอึน) ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงธรรมดา  ๆ ไม่ได้สวยสะดุดตาอะไรมากมาย (ขนาดแต่งหน้าน้อย ๆ ยังน่ารักขนาดนี้) แต่เธอมาพร้อมคาแร็กเตอร์หญิงสาวผู้แข็งแกร่งทั้งภายนอกและภายใน นิสัยขวางโลกไม่ยอมใคร และเลือกจะเก็บซ่อนความอ่อนไหวเอาไว้ เธอจึงกลายเป็นตัวละครชูโรงที่มีมิติด้านอารมณ์มากกว่าตัวละครไหน ๆ และนั่นจึงเป็นเสน่ห์เดียวของเรื่องราวที่เรายังพอจะไปต่อด้วยได้ แม้ในใจจะแอบคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้มันควรดีได้มากกว่านี้ก็เถอะ

รายละเอียดแน่น เผยให้เห็นความใส่ใจ

[รีวิว] 'The King Eternal Monarch' การกลับมาของ 'อีมินโฮ' ในโลกคู่ขนานและการเป็นราชัน

อย่างที่เกริ่นเอาไว้ในช่วงแรกว่านี่คือซีรีส์ที่งานสร้างอลังการ ภาพสวยสมจริง มุมกล้องปราณีต และนักแสดงก็ดูสวยหล่อน่ามองไปหมด บ่งบอกให้เห็นถึงความพิถีพิถันตั้งใจของทีมงาน จนในใจก็แอบหยวน ๆ ให้กับความพังในบางจุดของเนื้อเรื่องได้อยู่ ถึงแม้ว่าการดำเนินเรื่องยังคงไม่คืบหน้าเท่าไหร่นัก แต่ทุกอย่างก็เริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางบ้างแล้วใน Ep. 3 – Ep. 6 ที่ซีรีส์ยังคงทำหน้าที่หย่อนปมปริศนาเพิ่มเติมและเริ่มขยี้จุดชวนสงสัยในตอนก่อนหน้านี้มากขึ้น แถมแต่ละตัวละครก็เริ่มมีพัฒนาการที่น่าสนใจให้ได้เห็นกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

[รีวิว] 'The King Eternal Monarch' การกลับมาของ 'อีมินโฮ' ในโลกคู่ขนานและการเป็นราชัน

เช่น การเล่าถึงแผนการอันแยบยลของตัวร้ายสุดโหดอย่าง ‘อีริม’ ที่จะกลับมาทวงบัลลังก์คืนในไม่ช้า หรือแม้กระทั่งการมาถึงอีกโลกหนึ่งเป็นครั้งแรกของนางเอก รวมไปถึงชั้นเชิงการเล่าเรื่องของซีรีส์ ที่เริ่มจะผูกโยงเรื่องราวที่ปูทางเอาไว้แต่แรกให้คนดูได้เข้าใจและร่วมลุ้นไปกับตัวละครมากขึ้น แต่ประเด็นน่าสนใจอื่น ๆ ที่จะชวนให้เราหยิบยกขึ้นมาพูดถึงนั้นยังคงมีน้อยมากเหลือเกิน ถ้าเทียบกับซีรีส์อื่น ๆ ที่มีจำนวนตอนมากขนาดนี้แล้ว จนหวังว่าใน Ep. ต่อ ๆ ไปซีรีส์จะเริ่มรู้ทันคนดูและพยายามเร่งเครื่องให้มากกว่านี้ เพราะไม่อย่างนั้นความตั้งใจในการทำซีรีส์ของทีมงาน และความตั้งใจในการติดตามดูต่อของคนดู ก็คงจะเสียเปล่าพอ ๆ กันอย่างน่าเสียดาย

[รีวิว] 'The King Eternal Monarch' การกลับมาของ 'อีมินโฮ' ในโลกคู่ขนานและการเป็นราชัน

เอาเป็นว่ายังไงก็ตาม เราก็ยังไม่ถึงกับหมดหวังกับ ‘The King Eternal Monarch จอมราชัน บัลลังก์อมตะ’ ไปซะทีเดียว เพราะถ้าหากเราลองปรับโฟกัสออกจากตัวบทและการดำเนินเรื่องที่มีปัญหาแล้ว เราก็จะค้นพบว่ายังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งทัพนักแสดงคุณภาพ ความสวยงามของงานภาพและเพลงประกอบที่เพราะติดหู รวมไปถึงโมเมนต์หวาน ๆ ชวนจิ้นระหว่างราชากับองครักษ์หนุ่ม เอ้ย! ราชากับตำรวจสาวต่างโลก ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นกำลังใจที่ดี ที่จะทำให้ให้แฟนซีรีส์ยังคงมีหวังและอยากติดตามเป็นกำลังใจให้ทีมงานสร้างผลงานดี ๆ ต่อไปให้ได้อยู่ดีแหละ จริงไหมล่ะ?

[รีวิว] 'The King Eternal Monarch' การกลับมาของ 'อีมินโฮ' ในโลกคู่ขนานและการเป็นราชัน

[รีวิว] “The King: Eternal Monarch”

รีวิวซีรี่ส์เกาหลี

อีกผลงานที่ได้รับคำชมมากที่สุดของ “ซอเยจี” ในซีรีส์ “The Lawless Lawyer”

monomax ซอเยจี ซีรีส์เกาหลี

นางเอกสาว “ซอเยจี” สาวสวยแดนกิมจิที่เป็นขวัญใจของหนุ่มๆ หลายคนและเป็นที่ชื่นชอบของชาวเน็ตในเรื่องของการแสดงภาพยนตร์และซีรีส์หลายๆ เรื่อง จนทำให้ชื่อของเธอติดเทรนด์การค้นหาขึ้นมาทันที แถมยังมีคนอยากทำความรู้จักสาวหน้าหมวย เสน่ห์แรงคนนี้ไม่น้อย! งานนี้ “MONOMAX” (โมโนแมกซ์) ผู้นำดูหนังออนไลน์แบบถูกลิขสิทธิ์ ในเครือ MONO NEXT (โมโน เน็กซ์) จัดให้ทุกเรื่องราวของ ซอเยจี

ประวัติ ซอเยจี (Seo Ye-ji)

สาวป็อปตั้งแต่สมัยเรียน

ซอเยจี เกิดเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2533 ปัจจุบัน อายุ 30 ปี สูง 169 ซม. น้ำหนัก 43 กก. กรุ๊ปเลือด O ชื่อของเธอมีความหมายถึงคนที่มีวิสัยทัศน์อันชาญฉลาด เธอจบการศึกษามัธยมต้นจาก Youngwon Middle School และด้วยความที่เป็นเด็กสาวหน้าตาดีมากทำให้เธอเป็นสาวป็อปปูล่าร์ในโรงเรียนมัธยมปลาย Youngshin High School ไม่น้อย

มีความสามารถด้านภาษาถึง 3 ภาษา

ด้วยความที่ ซอเยจี เป็นผู้หญิงที่มีเสียงต่ำ จึงถือเป็นจุดเด่นของเธอเนื่องจากเสียงของเธอเข้ากับภาษาสเปน ทำให้เธอเริ่มเรียนภาษาสเปนจริงจัง ทำให้เธอมีความสามารถในการสื่อสารด้านภาษาถึง 3 ภาษาด้วยกันคือ เกาหลี, อังกฤษ และสเปน จนเมื่ออายุ 20 ปี เธอได้เดินทางไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยในมาดริด ประเทศสเปน เป็นเวลา 3 ปีจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านสื่อสารมวลชน เนื่องจากเธอมีความฝันว่าอยากจะเป็นผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ ซอเยจี ถอดแบบความสวยมาจากแม่และพี่สาวของเธอที่เป็นแอร์โฮสเตสด้วยกันทั้งคู่ เธอสนใจโอริกามิ, วาดภาพ, ภาพยนตร์, ชอบไปคาเฟ่คนเดียวและไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียว

เข้าสู่วงการแสดง จากการชักชวนของ ซีอีโอของ Made in Chan Entertainment

จนเรียนจบ ซอเยจี ได้รับการทาบทามให้เข้าสู่วงการแสดง จากการชักชวนของ ซีอีโอของ Made in Chan Entertainment โดยเธอปรากฏตัวครั้งแรกในโฆษณาของ SK Telecom เมื่อปี 2013 และมีผลงานการแสดงครั้งแรกคือซีรีส์ซิทคอมเรื่อง“Potato Star 2013” ซึ่งเป็นการแสดงที่ทำให้เธอได้โชว์ความสามารถด้านภาษาสเปน จากนั้น ซอเยจี เริ่มมีผลงานจนเป็นที่รู้จักและขึ้นแท่นเป็นขวัญใจชาวเกาหลีอย่างมาก ทั้งในเรื่องของงานโฆษณาและงานแสดงที่ประกบกับดาราดังๆ มากมาย

ผลงานซีรีส์ The Lawless Lawyer รับบท ทนายความสาวสุดมั่น ยึดหลักความยุติธรรม

สำหรับซีรีส์ของ ซอเยจี ที่ถูกพูดถึงและได้รับคำชมมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งนอกจาก It’s Okay to Not Be Okay ก่อนหน้านี้คือเรื่อง “The Lawless Lawyer ทนายสายเดือด” ซีรีส์เกาหลีแนวกฏหมายปนแอ็คชั่น-โรแมนติก ประกบกับพระเอกสุดฮอตของเกาหลีอย่าง “อีจุนกิ” โดย ซอเยจี รับบท ฮาแจยี ทนายความสาวสุดมั่น ผู้ยึดหลักความถูกต้องและยุติธรรม เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจมืด แต่ก็ไม่วายที่จะมีมุมน่ารักๆ ตามสไตส์ผู้หญิงจนทำให้หนุ่มๆ หลงใหลได้! จนทำให้สาวๆ เกาหลีหลายคนที่ได้ชมซีรีส์เรื่องนี้ยกให้เธอเป็นแบบอย่าง “เวิร์คกิ้งวูแมน” ที่แท้จริง!

อีกผลงานที่ได้รับคำชมมากที่สุดของ “ซอเยจี” ในซีรีส์ “The Lawless Lawyer”

ซีรี่ย์เกาหลีแนะนำ แนะนำซีรี่ย์เกาลี ดูซีรี่ย์เกาหลี ซีรี่ย์ใหม่

เจอร์รี่ เหยียน หล่อหุ่นฟิตเฟิร์มในวัย 43 ปี จากซีรีส์ Count Your Lucky Stars​

Jerry Yan ซีรีส์จีน

เจอร์รี่ เหยียน (Jerry Yan) ที่เคยโด่งดังจากซีรีส์ F4 รักใสใสหัวใจ 4 ดวง เวอร์ชั่นแรก (ไต้หวัน) กลับมาอีกครั้งกับผลงานซีรีส์จีน Count Your Lucky Stars​ แฟน ๆ ส่วนมากต่างบอกว่าสมกับการรอคอยเจอร์รี่หล่อและดูดีมากในวัย 43 ปี

Count Your Lucky Stars​ เจอร์รี่ เหยียน รับบทเป็น Lu Xing Cheng หรือ ‘บอสลู่’ ผู้ชายหล่อและมีเป็นตำนานในวงการแฟชั่น เขามีสายตาที่เฉียบคมและรสนิยมอันยอดเยี่ยม ชีวิตมีแต่ความโชคดีและประสบความสำเร็จ

จนมาพบกันนางเอก Tong Xiao (รับบทโดย Shen Yue) ผู้หญิงที่อับโชคไม่ประสบความสำเร็จสักที! โชคชะตาของทั้งคู่ดูเหมือนว่าจะสลับกัน เรื่องราวโรแมนติค-คอมเมดี้ ของพวกเขาทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต้องติดตามใน ซีรีส์ ‘Count Yout Lucky Stras ออกอากาศทาง YOUKU มีทั้งหมด 36 ตอน

ความหล่อในวัย 43 ปี

รีวิว ซีรี่ย์เกาหลี A PIECE OF YOUR MIND (2020) (반의 반)

ชื่อเรื่อง : A Piece of Your Mind (반의 반)
แนว : 
โรแมนติก 
ผู้กำกับ :
 อีซังยอบ (ผลงานก่อนหน้า “My Holo Love”)
คนเขียนบท : 
อีซุกยอน (ผลงานก่อนหน้า “On the Way to the Airport”)
จำนวนตอน :
 12

เรื่องย่อ : ซีรีส์บอกเล่าเรื่องราวของความรัก ระหว่าง ฮาวอน (รับบทโดย จองแฮอิน) โปรแกรมเมอร์หนุ่มเชี่ยวชาญด้าน AI ที่เงียบขรึมและใจดี เขาประสบกับรักที่ไม่สมหวังมาเป็นเวลาหลายปี แต่ก็ยังคงยึดติดกับรักครั้งนี้อยู่ และ ฮันซออู (รับบทโดย แชซูบิน) สาววิศวกรด้านการบันทึกเสียงดนตรีคลาสสิค เธอมักจะใช้ชีวิตด้วยพลังบวก วันหนึ่งเธอเริ่มหลงเสน่ห์ฮาวอน และคอยมองเขาที่แอบรักใครบางคนข้างเดียว

นักแสดง

จองแฮอิน รับบทเป็น ฮาวอน

โปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกบริษัท M&H  ถึงแม้ว่าปกติแล้วเขาจะเป็นผู้ชายที่จิตใจดีแต่เมื่อถึงเวลาทำงานเขาก็จะจริงจัง เขาใช้เวลาหลายปีกับการมีรักข้างเดียว และพยายามที่จะสร้างงานประดิษฐ์ชิ้นหนึ่งเพื่อที่จะไม่ลืมความทรงจำที่ล้ำค่าในอดีตของเขา

แชซูบิน รับบทเป็น ฮันซออู

สาวมองโลกในแง่ดีทำงานเป็นวิศวกรด้านการบันทึกเสียงที่คอยแอบมองฮาวอนอยู่ตลอดเวลาจนตกหลุมรักเขาที่กำลังมีรักข้างเดียวอยู่เช่นเดียวกัน แต่เธอก็ไม่อยากให้เขารับรู้ความรู้สึกของเธอ

อีฮานา รับบทเป็น มุนซุนโฮ

หญิงสาวที่ทำงานเป็นชาวสวนและอุทิศชีวิตของเธอเพื่อรักษาสวนฮาวอนเอาไว้ ถึงแม้ว่าเธอจะทำงานรักษาต้นไม้ในสวนเป็นจำนวนมากด้วยตนเอง แต่เธอก็ยังเคร่งครัดกับการรักษาน้ำหนักตัวของเธอ แต่นอกเหนือจากเรื่องน้ำหนักตัวของเธอ สิ่งอื่นเธอก็ไม่แยแสอะไรใดๆทั้งสิ้น

คิมซองกยู รับบทเป็น คังอินอุค

นักเปียโนหนุ่มที่เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความสามารถทางด้านดนตรีและศิลปะชั้นเลิศ แต่ผลงานของเขาก็ยังไม่ได้รับการยอมรับในคนหมู่มาก ถึงแม้ว่าดูเหมือนจะเป็นคนสุภาพและเข้ากับคนง่าย แต่ส่วนลึกแล้วเขามีความวิตกกังวลว่าจะสูญเสียทุกอย่างไปในเพียงพริบตาเดียว จึงทำให้เขาเป็นห่วงไปซะทุกอย่างแม้ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม

ติดตามรับชม ซีรี่ย์เกาหลี A PIECE OF YOUR MIND (2020) ได้ที่ ดูซีรี่ย์เกาหลี

10 ซีรีย์เกาหลีสนุกๆน่าดู ที่ต้องขอแนะนำในปี 2020

อันยอง พาไปอัปเดตซีรีส์เกาหลีปี 2020 ที่มีแววปังจากฝั่งแดนกิมจิ รวบรวมกันมาครบรส ทั้งโรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี ระทึกขวัญ และแนวการแพทย์ การันตีซีรีย์ที่เราแนะนำสนุก มัน เข้มข้นล้นจอ จัดเต็มทั้งนักแสดงและพล็อตเรื่อง จะมีซีรีส์เกาหลี 2020 เรื่องไหนให้ไปติดตามงอมแงวมกันบ้าง ทัวร์ครับ คัดสรรมาอย่างดี ขนมาอัปเดตให้แล้วตอนนี้เลย

10 ซีรีส์เกาหลี 2020

1. ซีรีส์เกาหลี 2020 – Crash Landing on You

เรื่องย่อ : เริ่มต้นปีใหม่ด้วยความปังของวงการซีรีส์เกาหลี 2020 ฟินไม่หยุดฉุดไม่อยู่ กับเรื่องราวรักต้องห้ามสุดโรแมนติกของ ยุนเซรี (ซนเยจิน) ซีอีโอบริษัทใหญ่แห่งเกาหลีใต้ ที่เกิดอุบัติเหตุระหว่างเล่นร่มร่อนจนไปติดอยู่ในพื้นที่เกาหลีเหนือ จนได้พบรักทหารเกาหลีเหนือ สหายผู้กองรีจองฮยอก (ฮยอนบิน) ที่คอยช่วยเธอเอาไว้ และหาสารพัดวิธีที่จะส่งตัวเธอกลับไปเกาหลีใต้ ก่อนที่ทางการเกาหลีเหนือจะล่วงรู้! ความรักที่เกิดขึ้นบนความแตกต่างครั้งนี้ จะอิน ฟิน จิ้นขนาดไหน ดูได้จากเคมีที่เข้ากั๊นเข้ากันของ 2 นักแสดง กระแสที่มาแรงจนสร้างเรทติ้งพุ่งปรี๊ดเป็นประวัติศาสตร์ให้ช่อง tvN และปรากฏการณ์ ‘สหายผู้กอง’ ที่เกิดขึ้นในทุกซอกทุกมุมของโลกโซเชียล การันตีความปังกันขนาดนี้แล้ว ดูสิคะ รออะไร!

ประเภทซีรีย์ : โรแมนติก

จำนวนตอนซีรีย์ : 16

สามารถรับชมซีรีย์ได้ตามช่องทาง : Netflix

เริ่มฉายซีรีย์วันที่-สิ้นสุดวันที่ : 14 ธันวาคม 2562 – 16 กุมภาพันธ์ 2563

2. ซีรีส์เกาหลี 2020 – Dr. Romantic 2

เรื่องย่อ : การกลับมาของ Dr. Romantic ซีรีส์เกาหลีแนวการแพทย์ในดวงใจของใครหลายคน โดยซีซั่น 2 นี้ จะเล่าเรื่องผ่านตัวละคร ชาอึนแจ (อีซองคยอง) แพทย์เรสซิเด้นท์ปี 2 คนเก่ง เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือดเป็นอย่างดี แถมประวัติการรักษายังขาวสะอาด ไร้ข้อผิดพลาดใดๆ และซออูจิน (อันฮโยซอบ) แพทย์เฟลโล่ปี 2 ที่มีผลงานการผ่าตัดยอดเยี่ยมไร้ที่ติ แต่ไม่แฮปปี้กับชีวิต เมื่อทั้งสองคนได้มาเจอกับ บูยองจู หรือ อาจารย์คิม (ฮันซอกกยู) ศัลยแพทย์มือทองที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงพยาบาลเล็กๆ บทเรียนรู้วิชาการแพทย์และวิชาการใช้ชีวิตจึงเริ่มต้นขึ้น

ประเภทซีรีย์ : การแพทย์, เมโลดราม่า, โรแมนติก

จำนวนตอนซีรีย์ : 16

สามารถรับชมซีรีย์ได้ตามช่องทาง :SBS TV,  Viu

เริ่มฉายซีรีย์วันที่-สิ้นสุดวันที่ : 6 มกราคม – 25 กุมภาพันธ์ 2563

3. ซีรีส์เกาหลี 2020 – The Game: Towards Midnight

เรื่องย่อ : ไปต่อกันที่ซีรีส์เกาหลี 2020 แนวสืบสวน กับการไขปริศนาคดีฆาตกรรมลึกลับที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน คิมแทพยอง (แทคยอน 2PM) ชายผู้เกิดมาพร้อมกับความสามารถพิเศษเหนือธรรมชาติ เมื่อไหร่ก็ตามที่สบตาเข้ากับใคร เขาสามารถมองเห็นความตายของคนๆ นั้น แต่ความสามารถพิเศษนี้กลับใช้ไม่ได้กับ ซอจุนยอง (อียอนฮี) ตำรวจนักสืบสาวที่กำลังสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องลึกลับ ความสามารถพิเศษนี้ จึงนำมาสู่การไขความลับของคดีฆาตกรรมปริศนา

ประเภทซีรีย์ : ลึกลับ

จำนวนตอนซีรีย์ : 32

สามารถรับชมซีรีย์ได้ตามช่องทาง : MBC TV, Viu

เริ่มฉายซีรีย์วันที่-สิ้นสุดวันที่ : 22 มกราคม – 12 มีนาคม 2563

4. ซีรีส์เกาหลี 2020 – Itaewon Class

เรื่องย่อ : ความแค้นฝังใจในวัยเด็กของ พัคแซรอย (พัคซอจุน) ทำให้เขาเดินหน้าตั้งเป้าทำลายบริษัทจางกาของจางแดฮี และ จางกึนวอน สองพ่อลูกต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องโดนไล่ออกจากโรงเรียน พ่อต้องตกงานและจากอย่างไม่มีวันกลับ ทำให้ชีวิตของเขาตกอับถึงขั้นเข้าคุก หลังจากถูกปล่อยตัว พัคแซรอยจึงตัดสินใจเปิดร้านอาหารในอิแทวอน และได้พบกับ โจอีซอ (คิมดามิ) สาวคนดังบอกโลกโซเชียลที่มารับหน้าที่ผู้จัดการร้านอาหาร

ประเภทซีรีย์ : ดราม่า, โรแมนติก

จำนวนตอนซีรีย์ : 16

สามารถรับชมซีรีย์ได้ตามช่องทาง : JTBC, Netflix

เริ่มฉายซีรีย์วันที่-สิ้นสุดวันที่ : 31 มกราคม – 21 มีนาคม 2563

5. ซีรีส์เกาหลี 2020 – My Holo Love

เรื่องย่อ : แน่นอนว่าซีรีส์เกาหลี 2020 ต้องมาพร้อมความล้ำหน้าด้านเทคโนโลยี เรื่องราวความรักของ ฮันโซยอน (โกซองฮี) สาวโสดที่รักความสันโดษเป็นที่สุด! แถมยังพ่วงโรคประหลาดที่เรียกว่าภาวะไม่รู้ใบหน้า จนกระทั่งมาพบกับโฮโลกลาส แว่นตาวิเศษที่สวมใส่แล้วจะมี โฮโล ปัญญาประดิษฐ์ส่วนตัวที่รูปร่างหน้าตาเหมือนผู้พัฒนาโปรแกรม โกนันโด (ยุนฮยอนมิน) ที่โผล่มาคอยเป็นผู้ช่วยแก้ไขสารพัดปัญหาในชีวิต เมื่อฮันโซยอนเริ่มมีใจให้โฮโล โกนันโดที่คอยแอบมองเธอผ่านสายตาของโฮโลก็เริ่มมีใจให้ฮันโซยอน ความรักสามเศร้าระหว่าง โฮโลแกรม และมนุษย์จึงเกิดขึ้น

ประเภทซีรีย์ : โรแมนติก

จำนวนตอนซีรีย์ : 12

สามารถรับชมซีรีย์ได้ตามช่องทาง : Netflix

เริ่มฉายซีรีย์วันที่-สิ้นสุดวันที่ : 7 กุมภาพันธ์ 2563

6. ซีรีส์เกาหลี 2020 – Hi Bye, Mama

เรื่องย่อ : หลังจากที่ ซายูริ (คิมแทฮี) เสียชีวิตจากอุบัติเหตุไปเมื่อ 5 ปีก่อน โจควังฮา (อีคยูฮยอง) ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชายด้านการผ่าตัดทรวงอกก็จมอยู่กับเศร้า จนบุคลิกเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่จู่ๆ ภรรยาของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง โดยครั้งนี้ ซายูริ จะมีโอกาสกลับมาเป็นมนุษย์เพียงแค่ 49 วันเท่านั้น ที่จะกลับมาเติมเต็มความรักให้กับครอบครัว และลูกสาวของเธอ โดยซีรีส์เรื่องนี้ถือเป็นการคัมแบ็กสู่งานแสดงของ คิมแทฮี อีกครั้ง หลังจากห่างหายจากผลงานการแสดงมานานหลายปี เรื่องนี้จึงกลายเป็นซีรีส์เกาหลี 2020 ที่น่าจับตามองมากอีกๆ เรื่องนึงเลย ใครที่ชอบซีรี่ย์แนวแฟนตาซี ครอบครัว เรื่องนี้เราแนะนำ

ประเภทซีรีย์ : แฟนตาซี, คอมเมดี้

จำนวนตอนซีรีย์ : 16

สามารถรับชมซีรีย์ได้ตามช่องทาง : tvN, Netflix

เริ่มฉายซีรีย์วันที่-สิ้นสุดวันที่ : 22 กุมภาพันธ์ – 12 เมษายน 2563

7. ซีรีส์เกาหลี 2020 – When the Weather is Fine

เรื่องย่อ : เติมความอบอุ่นละมุนใจกับซีรีส์เกาหลี 2020 ฟีลกู้ดเรื่องใหม่ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่องดัง ฮเยวอน (พัคมินยอง) นักเชลโล่ต้องพบเจอกับเรื่องเจ็บปวดหัวใจ และเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตในกรุงโซล ตัดสินใจย้ายกลับไปใช้ชีวิตในเมืองเล็กๆ ที่เธอจากมา การกลับมายังบ้านเกิดครั้งนี้ ทำให้เธอได้พบเจอกับเพื่อนเก่าในวัยเด็กอย่าง อิมอึนซอบ (ซอคังจุน) เจ้าของร้านหนังสือ Goodnight ผู้ดำเนินชีวิตไปอย่างเรียบง่าย จิบกาแฟ อ่านหนังสือ และบันทึกเรื่องราวต่างๆ ลงบล็อก

ประเภทซีรีย์ : Romance

จำนวนตอนซีรีย์ : 16

สามารถรับชมซีรีย์ได้ตามช่องทาง : JTBC, Viu

เริ่มฉายซีรีย์วันที่-สิ้นสุดวันที่ : 24 กุมภาพันธ์ – 14 เมษายน 2563

8. ซีรีส์เกาหลี 2020 – Hospital Playlist

เรื่องย่อ : เรื่องราวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ถูกสะท้อนผ่านชีวิต ความสัมพันธ์ของ 5 หมอเพื่อนซี้ที่นิสัยต่างกัน แต่กลับสนิทสนมกันมา 20 ปี กอดคอกันเรียนมาตั้งแต่ปี 1999 และ ได้มาทำงานในโรงพยาบาลเดียวกัน ภายใต้ฝีมือการกำกับของผูเกำกับฝีมือดีอย่าง ชินวอนโฮ (ซีรีส์ตระกูล Reply และ Prison Playbook) แถมยังเป็นการโคจรมาเจอกันของนักแสดงระดับเทพอย่าง ยูยอนซอก จองคยองโฮ และโจจองซอกทั้งที แฟนๆ ซีรีส์เกาหลีแนวการแพทย์ห้ามพลาด!

ประเภทซีรีย์ : Drama

จำนวนตอนซีรีย์ : 16

สามารถรับชมซีรีย์ได้ตามช่องทาง : tvN

เริ่มฉายซีรีย์วันที่-สิ้นสุดวันที่ : 12 มีนาคม – 28 พฤษภาคม 2563

9. ซีรีส์เกาหลี 2020 – Kingdom 2

เรื่องย่อ : หลังจากที่ซอมบี้ยุคโชซอนเคยสร้างความน่ากลัวไว้ จนใครๆ ก็ติดกันทั่วบ้านทั่วเมืองไปแล้วในซีซั่น 1 Kingdom 2 กลับมาสานต่อเรื่องราวที่คั่งค้างไว้ในซีซั่น 1 ที่รับรองว่าสนุก ระทึกใจเหมือนเดิน เพิ่มเติมคือเรื่องราวที่เข้มข้นขึ้น ทั้งความสัมพันธ์ทางการเมืองขององค์รัชทายาท แม่เลี้ยงและโจฮักจู และภารกิจปกป้องเมืองซังจูจากฝูงซอมบี้ พร้อมการหาวิธีรักษาโรคระบาดและการสูญพันธุ์ซอมบี้

ประเภทซีรีย์ : ประวัติศาสตร์, แฟนตาซี, ระทึกขวัญ

จำนวนตอนซีรีย์ : 6

สามารถรับชมซีรีย์ได้ตามช่องทาง : Netflix

เริ่มฉายซีรีย์วันที่-สิ้นสุดวันที่ : 13 มีนาคม 2563

10. ซีรีส์เกาหลี 2020 – Find Me in Your Memory/ The Man’s Memory

เรื่องย่อ : สายโรแมนติกเตรียมตัวรับความหวานของซีรีส์เกาหลี 2020 กันได้เลย กับเรื่องราวความรักระหว่างผู้ประกาศข่าวหนุ่มที่มีภาวะ Hyperthymesia ที่สามารถจำรายละเอียดของทุกประสบการณ์ในชีวิตได้มากมาย อีจองฮุน (คิมดงอุก) และ ยอฮาจิน (มุนกายอง) หญิงสาวที่ลืมเรื่องราวในช่วงเวลาสำคัญที่สุดของชีวิตไป สำหรับซีรีส์เรื่องนี้ นอกจากจะได้ 2 นักแสดงนำที่น่าสนใจแล้ว จะเป็นการเดบิวต์ในฐานะนักแสดงครั้งแรกของ อีจินฮยอก ที่จะมารับบทเป็น โจอิลควอน นักข่าวน้องใหม่ในเรื่องด้วย

ประเภทซีรีย์ : Melodrama, romance

จำนวนตอนซีรีย์ : 32

สามารถรับชมซีรีย์ได้ตามช่องทาง : MBC TV,  Viu

เริ่มฉายซีรีย์วันที่-สิ้นสุดวันที่ : 18 มีนาคม – 7 พฤษภาคม 2563

นอกจาก 10 เรื่องที่กำลังลงจอ และเตรียมลงจอมาเสิร์ฟความฟินให้คอซีรีส์เกาหลีได้สนุกกันแล้ว ยังมีซีรีส์เกาหลี 2020 เรื่องอื่นๆ ที่มีแพลนเตรียมลงจออีกเพียบ ทั้ง The King: The Eternal Monarch นำแสดงโดย ลีมินโฮ School 2020 ที่ได้ คิมโยฮัน มาร่วมแสดง และการกลับมาของคิมซูฮยอนใน  Phycho But It’s Okay งานนี้บอกได้คำเดียวว่าวงการซีรีส์เกาหลี 2020 น่าดูมากแม่

ซีรี่ย์เกาหลีน่าดู

แนะนำซีรี่ย์เกาหลี

ซีรี่ย์เกาหลี 2020 ดูซีรี่ย์เกาหลี รีวิวซีรี่ย์เกาหลี

Tell Me What You Saw : นั่งสืบในความมืด

เรื่องย่อ
โลกของ โอฮยอนแจ (รับบทโดย จางฮยอก ผลงาน : Voice / My Country / Fated to Love You) มืดมิด เพราะอุบัติเหตุเมื่อ 5 ปีก่อน นอกจากการสูญเสียคู่หมั้นไปต่อหน้าต่อตา เขายังสูญเสียความสามารถในการเดินและการมองเห็น หลังจากนั้น โอฮยอนแจ ที่เคยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะโปรไฟล์เลอร์ที่ช่วยเหลือในการจับคนร้ายในคดีมากมาย ก็หายไปจากสังคม ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเขายังมีชีวิตหรือตายไปแล้ว นอกจาก ฮวังฮายอง (รับบทโดย จินซอยอน ผลงาน : Shine or Go Crazy / Eve’s Love) เพื่อนตำรวจของเขา ฮยอนแจ ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ห่างไกล แต่ยังคงติดตามเรื่องราวภายนอก โดยรับรู้เรื่องราวผ่านการฟังเสียงมากมาย จากการลอบเข้าไปในระบบสัญญาณเสียงต่างๆ ที่เขายังต้องติดตามโลกภายนอกนั้น มีเหตุผล…

ชาซูยอง (รับบทโย ชเวซูยอง ผลงาน : The Spring of My Life / Police Unit 38 / Man Who Sets The Table) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในเมืองชนบท เธอมีความสามารถพิเศษในการจดจำภาพที่เห็นละเอียดได้ราวภาพถ่าย ด้วยความสามารถพิเศษนี้ ทำให้เธอ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในทีมสืบสวนคดีฆาตกรรมที่เธอเป็นเจ้าหน้าที่คนแรกที่ไปถึงที่เกิดเหตุ แม้ความสามารถของเธอจะยังเป็นที่กังขา แต่เมื่อได้ทำงานร่วมกับหัวหน้าฮวัง และด้วยความช่วยเหลือของฮยอนแจ เธอก็สามารถจับตัวคนร้าย และช่วยเหลือเหยื่อได้

แต่เรื่องกลับไม่จบง่ายๆ เพราะนอกจากคดีนี้ จะเป็นเพียงการลอกเลียนแบบของชายสติไม่สมประกอบ ที่พยายามเลียนแบบ ฆาตกรลูกอมมิ้นท์ที่หลายคนพยายามจะเชื่อว่าตายไปแล้ว ฆาตกรที่เป็นเหตุของความสูญเสียทั้งหมดของฮยอนแจ ฆาตกรที่เขาสงสัยและตามหามาตลอด ชายที่เลียนแบบการฆาตกรรม ถูกฆาตกรรมระหว่างถูกกักตัวเพื่อทำการสอบสวน และในปากของเขา ทีมนิติเวช พบลูกอมมิ้นท์ หรือ “คนนั้น” จะยังอยู่ หรือนี่จะเป็นเพียงอีกการลอกเลียนแบบ

ซูยอง จะใช้ความสามารถในการจดจำของเธอ ถ่ายทอดสิ่งที่เธอเห็นแก่ฮยอนแจ เป็นดวงตาของเขา เพื่อให้เขากลับมาทำหน้าที่สุดยอดโปรไฟล์เลอร์ และช่วยให้เขาจับกุม “คนนั้น” ได้หรือไม่… การฆาตกรรมต่อเนื่องที่โหดร้าย จะมีใครไปรายต่อไป

นักแสดงที่รับบทหนักในเรื่องนี้ และต้องออกวิ่งแทนเฮียของเรา ก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นสาวไอดอลนักแสดงอีกคนที่เราคุ้นคยกันดีอย่าง ชเวซูยอง ซึ่งเรื่องนี้นับได้ว่าเป็นผลงานสายโหดเรื่องแรกของเธอ นอกจากการแสดงที่เป็นธรรมชาติ และดูเป็นหญิงสาวที่ธรรมดามากๆ (มีความสามรถพิเศษ แต่เป็นตำรวจสาว จากบ้านนอกธรรมดา พร้อมการแต่งหน้าสด แบบสดกว่านี้ก็ปลาในทะเลแล้ว) เธอยังโชว์ความสามารถการใช้ภาษามือ และ ต้องลุยในฉากที่อาจทำให้เจ็บตัวได้หลายฉาก นอกจากนี้ยังมีทีม ที่นำโดยจินซอยุน และเพื่อนตำรวจที่มาช่วยคลายเครียดในบางจังหวะ แล้วนอกจากคนร้ายก็ยังมีตัวละครตำรวจด้วยกัน ที่คอยพยายามขัดขวางการค้นหาความจริงด้วย เรียกได้ว่านอกจากต้องสืบ ยังต้องทำงานให้เร็วกว่า คนที่คอยขัดขวางด้วย… จริงจังแบบไม่ได้พักกันเลย

สนับสนุนโดย Vkvi.net ดูซีรี่ย์เกาหลี ซีรี่ส์ฝรั่ง  ดูหนังออนไลน์ฟรี

Dr. Romantic 2

ชื่อเรื่อง : Dr. Romantic 2 / Romantic Doctor, Teacher Kim 2 (낭만닥터 김사부2)
แนว : การแพทย์ / เมโลดราม่า / โรแมนติก
ผู้กำกับ : ยูอินชิก (ผลงานก่อนหน้า “Dr. Romantic 1”)
คนเขียนบท : คังอึนคยอง (ผลงานก่อนหน้า “Where Stars Land”)

เรื่องย่อ : บูยงจู (รับบทโดย ฮันซอกกยู) หรือ อาจารย์คิม เขาเป็นแพทย์ที่แปลกไม่ต้องการเข้าสังคม ซึ่งทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลโทรมๆแห่งหนึ่งชื่อว่า ทลดัม และอีกหนึ่งตัวละครหลัก ชาอึนแจ (รับบทโดย อีซองคยอง) แพทย์ Resident สาวปีที่ 2 ที่เชียวชาญด้านการผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือดและเธอผู้ไม่เคยมีประสบการณ์ของคำว่าพลาดมาก่อนเลย สำหรับตัวละครหลักอีกหนึ่งคือ ซออูจิน (รับบทโดย อันฮโยซอบ) แพทย์ Fellow หรือแพทย์ผู้ช่วยอาจารย์ปีที่ 2 ซึ่งมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมในการผ่าตัดแต่เพราะเขามีชีวิตที่ยากลำบากจึงทำให้เขาไม่เชื่อในเรื่องความสุข ทั้ง ชาอึนแจ และ ซออูจิน จะมาพบอาจารย์คิมผู้แปลกประหลาด และได้เติบโตในฐานะมนุษย์และแพทย์ไปพร้อมๆกันหลังจากที่ผ่านประสบการณ์มากมายร่วมกันกับอาจารย์คิม

ซีรี่ย์เกาหลีน่าดู 2020 อีกหนึ่งเรื่องกับการกลับมาของซีรี่ย์แนวการแพทย์ที่ครองใจผู้ชมอย่างล้นหลาม Dr. Romantic 2 สำหรับซีซั่นนี้เป็นเรื่องราวของ ชาอึนแจ (แสดงโดย อีซองคยอง) แพทย์ Resident สาวปี 2 ที่เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือด แถมยังไม่เคยมีประสบการณ์ของคำว่าพลาดมาก่อน และ ซออูจิน (แสดงโดย อันฮโยซอบ) แพทย์ Fellow ปีที่ 2 ที่มีความสามารถในการผ่าตัดยอดเยี่ยม แต่ความลำบากในชีวิตทำให้เขาไม่เชื่อเรื่องความสุขเลย ทั้งสองได้มาพบกับศัลยแพทย์มือทอง บูยองจู หรือที่ใครๆ เรียกขานว่า อาจารย์คิม (แสดงโดย ฮันซอกกยู) ผู้ซ่อนตัวทำงานอยู่ในโรงพยาบาลเล็กๆ สถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวสุดเข้มข้น ที่ทำให้พวกเขาเติบโตในฐานะมนุษย์และแพทย์ไปพร้อมๆกัน ใครชอบซีรี่ย์แนวนี้ต้องดูนะ

หลายคนที่กำลังลังเลว่าจะเปิดดูเรื่องนี้ดีหรือไม่? หรือใครที่กำลังสงสัยกันอยู่ว่าซีรีส์แนวการแพทย์เรื่องนี้สนุกอย่างที่ได้ยินเสียงร่ำลือกันมาจริงแค่ไหน? และทำไมซีรีส์ถึงได้ฮิตมากขนาดนี้? วันนี้ Korseries มาขอนำเสนอ 4 เหตุผลที่จะไขข้อข้องใจให้ผู้ชมได้ทราบว่า อาจารย์คิม ทำไมถึงครองใจผู้ชมมากเกินความคาดหมายขนาดนี้ มาลองติดตามรายละเอียดกัน

เหตุผลที่ 1 : อาจารย์คิมแพทย์ผู้แสนโรแมนติก แต่จริงๆแล้วเป็นสายโหด
อ่านหัวข้อของเหตุผลแรกแล้วอย่าเพิ่งตกใจอะไรกันไปยกใหญ่ เพราะสิ่งที่ผู้เขียนกำลังจะสื่อไม่ได้หมายความอาจารย์คิมจะไปฆ่าแกงใครอะไรใดๆ แต่เสน่ห์ที่ทำให้ผู้ชมหลงใหลจนทีมงานตัดสินใจทำภาคต่อได้โดยไม่ลังเลนั้น ก็คงมาจากสไตล์การรักษาของอาจารย์คิมคนนี้ที่มัน ดุ เด็ด เผ็ด มันส์ และมุ่งมั่นอย่างเดียวว่าคนไข้ต้องรอดเท่านั้น!!

ด้วยสไตล์การรักษาที่ระทึกใจได้มากเหลือเกิน ผสมผสานเข้ากับ การตีโจทย์คาแรกเตอร์และถ่ายทอดบทบาทของ อาจารย์คิม ผ่านฝีมือการแสดงของ ฮันซอกกยู หนึ่งในนักแสดงเจ้าบทบาทของวงการบันเทิงเกาหลีใต้เลยก็ว่าได้ ทำให้ความเจ๋งของตัวละครอาจารย์คิมได้ถูกกลั่นกรองและตกผลึกออกมาได้อย่างสวยงามและสมบูรณ์แบบ เสน่ห์ของอาจารย์คิมจากฮันซอกกยูคือหนึ่งในจุดขายหลักของซีรีส์เรื่องนี้ที่ไม่มีใครเลียนแบบได้และไม่เคยต้องผิดหวังกับนักแสดงฝีมือฉมังท่านนี้เลยจริงๆค่ะ

เหตุผลที่ 2 : ภาพการรักษาในห้องผ่าตัดอันน่าทึ่งและแสนระทึกใจ
ในการชมซีรีส์แนวการแพทย์นั้น แน่นอนว่าต้องมีภาพการผ่าตัดหรือเลือดตกยางออกมาให้ได้ปิดตากันหลายๆครั้งจนเป็นปกติ แต่สิ่งที่เป็นผลพลอยได้ภาพการรักษาเหล่านั้นคือผู้ชมจะได้ทราบถึงข้อมูลเบื้องต้นเมื่อได้รับการรักษาผ่านการผ่าตัด หรือแม้กระทั่งระบบการทำงานภายในของมนุษย์ ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้ละเอียดเท่าการเรียนแพทย์แต่รับรองว่าต้องได้ความรู้เพิ่มเติมไม่มากก็น้อยโดยไม่ต้องไปนั่งอ่านหนังสือเล่มใหญ่ๆแล้วแถมยังสนุกมากอีกด้วย
ซึ่ง “Dr. Romantic 2” ถือเป็นซีรีส์แนวการแพทย์อีกเรื่องที่สามารถถ่ายทอดภาพการรักษาในห้องผ่าตัดได้อย่างลงลึกในรายละเอียดและทำได้ค่อนข้างชัดเจนเข้าใจง่าย รวมถึงได้ความรู้ถึงระบบภายในร่างกายอย่างไม่รู้ตัวไปในหลายๆฉาก ในจุดนี้ผู้เขียนขอชื่นชมการทำการบ้านมาอย่างดีของทีมงานที่มีการศึกษามาอย่างดีจนสามารถถ่ายทอดการรักษาในแต่ละเคสออกมาได้เข้าใจเข้าถึงและสมจริงได้เป็นอย่างดี

เหตุผลที่ 3 : ทีมนักแสดงชุดเดิมขนมาอย่างจัดเต็ม ทีมใหม่ก็จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ
นอกจากจะมี ฮันซอกกยู มาเป็นตัวชูโรงในบทบาทของ อาจารย์คิม ในซีรีส์เรื่องนี้แล้ว บรรดานักแสดงชุดเดิมจากภาคแรกนั้นก็ขนกันมาอย่างเพียบ ซึ่งทำให้รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความเป็นโรงพยาบาลทลดัมและอาจารย์คิมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็น พยาบาลหนุ่มหล่อขรึม พัคอึนทัก ที่รับบทโดย คิมมินแจ, หัวหน้าพยาบาลเจ้าถิ่น มยองซิม รับบทโดย จินคยอง, หัวหน้าแผนกแอดมิน จางกีแท รับบทโดย อิมวอนฮี, แพทย์วางยาสลบฟรีแลนซ์ นัมโดอิล รับบทโดย บยอนอูมิน, แพทย์ผ่าตัดประจำห้องฉุกเฉิน จองอินซู รับบทโดย ยุนนามู และอีกเพียบ ที่ทุกคนยังสามารถถ่ายทอดบทบาทของตัวเองได้เป็นอย่างดีเหมือนภาคแรกไม่มีผิด

สำหรับทีมนักแสดงชุดใหม่ที่มาเสริมทัพมอบความสนุกในภาคต่อนี้นั้น ฝีมือการแสดงก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากันเลยและบทบาทของทีมใหม่ก็ยังสามารถเพิ่มความมันส์ให้เรื่องราวได้ดีอีกด้วย นำทีมโดย อันฮโยซอบ นักแสดงหนุ่มหล่อ (มากกกกก) รับบทเป็น ซออูจิน ศัลยแพทย์ฝึกหัดปี 2 ฝีมือดีแต่ติดหนี้เถื่อนก้อนโตทำให้โดนตามล่า, อีซองคยอง รับบทเป็น ชาอึนแจ ศัลยแพทย์ด้านทรวงอกฝึกหัดปี 2 ที่มักจะเป็นลมล้มตึงเมื่อได้เข้าผ่าตัด, ชินดงอุค นักแสดงหนุ่มที่น่ารักน่าเอ็นดู (ที่สุด><) รับบทเป็น แบมุนจอง ศัลยแพทย์ด้านกระดูกที่มาทำเป็นหมอและต้องแต่งงานจากแรงกดดันของครอบครัว, โซจูยอน รับบทเป็น ยุนอารึม แพทย์ผ่าตัดประจำห้องฉุกเฉินฝึกหัดปี 4, ยุนโบรา รับบทเป็น ยูยองมิ พยาบาลสาวที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่, คิมจูฮอน รับบทเป็น พัคมินกุก ว่าที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทลดัมคนใหม่และคู่ปรับตัวฉกาจของอาจารย์คิม ซึ่งยังมีอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง ทุกตัวละครทั้งมาใหม่และชุดเดิมต่างมาเสริมสร้างความสนุกให้กับซีรีส์ได้เป็นอย่างดีไม่แพ้กันเลย แสดงดีทุกคนเลย

เหตุผลที่ 4 : ความมันส์แบบสะใจของทั้งการรักษาคนไข้และการฟาดฟันกับทีมบริหาร
ทั้งทีมนักแสดงคุณภาพมาครบทีมและทั้งภาพการรักษาในห้องผ่าตัดรวมถึงรายละเอียดที่สมจริงยังไม่พอสำหรับปัจจัยที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ดังเป็นพลุแตก การดำเนินเรื่องราวในพาร์ทต่างๆก็แสนจะเมามันส์ ถ้าเปรียบเทียบเป็นจังหวะเพลงขอเทียบเคียงกับจังหวะร็อคเสียงกลองรัวๆเป็นจังหวะทำให้ผู้ชมต่างลุ้นไปพร้อมๆกันอย่างเร้าใจ

นอกจากความตื่นเต้นที่สนุกมากจากการรักษาชีวิตคนไข้ในแต่ละเคสอาทิเช่น เคสรัฐมนตรีที่ต้องปั๊มหัวใจแบบใช้มือเข้าไปบีบที่ด้านในโดยตรงซึ่งเป็นทักษะชั้นสูงที่ปกติไม่เคยเห็นมาก่อนถ้าไม่ได้เป็นแพทย์, หรือจะเคสทะเลาะวิวาทซึ่งมีคนเจ็บเข้ามาอย่างหนาแน่นตรงข้ามกับจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลซึ่งต้องหาทางรองรับให้ทันและช่วยชีวิตไว้ให้ได้ และยังมีอีกหลากหลายเคสที่ได้ความรู้ใหม่กันไปอย่างเพลิดเพลินใจ

ก็ยังไม่เพียงเท่านั้น ความดราม่าเร้าใจของการที่อาจารย์คิมต้องต่อกรคู่ปรับเก่าอย่าง โดยุนวาน บอร์ดบริหารของมูลนิธิ Great ที่ทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนโรงพยาบาลทลดัมให้กลายเป็นศูนย์ขนาดใหญ่ซึ่งรองรับทั้งลูกค้าด้านสุขภาพและด้านความบันเทิง ซึ่งส่ง พัคมินกุก มาปรับโครงสร้างก่อนดำเนินการแผนใหญ่นั้น อาจารย์คิมและพนักงานที่รักโรงพยาบาลนี้ทุกคนต่างพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะรักษาโรงพยาบาลที่พวกเขารักแห่งนี้ไว้ให้จงได้

ทุกส่วนของการดำเนินเรื่องไม่มีตรงไหนที่จะบอกได้เลยว่าน่าเบื่อหรืออยากจะกดข้ามเลยแม้แต่วินาทีเดียว การดำเนินเรื่องราวอย่างเข้มข้นและสร้างสมดุลให้ได้ทั้งการรักษาทางการแพทย์และการต่อสู้กับทีมบริหารที่เห็นแก่กำไรมากกว่าการช่วยชีวิตคนในภาค 2 นี้ทีมงานก็ยังทำได้ดีและเหมือนจะดีขึ้นไปอีกด้วยค่ะ สุดยอดจริงๆ

สำหรับคำถามที่มักจะได้ยินกันบ่อยๆเมื่อมีการแนะนำให้ดูซีรีส์ “Dr. Romantic 2” ก็คือมีความจำเป็นที่จะต้องดูภาคแรกมาก่อนหรือไม่? ผู้เขียนขอยืนยันจากความเห็นส่วนตัวเลยว่าไม่จำเป็น ถ้าเริ่มดูที่ภาค 2 ก่อนก็สามารถรู้เรื่องได้ตามปกติ ความเชื่อมโยงค่อนข้างน้อยแต่ผู้เขียนก็อยากจะแนะนำให้ดูภาค 1 อยู่ดีเพราะสนุกมากไม่แพ้ภาคนี้เลย และ 4 เหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นก็เป็นเพียงแค่ข้อมูลบางส่วนที่มารีวิวเท่านั้น อยากรู้ว่าสนุกมากแค่ไหน ขอแนะนำให้ลองไปจัดกันดูนะคะ

สนับสนุนโดย Vkvi.net ดูซีรี่ย์เกาหลี ซีรี่ส์ฝรั่ง  ดูหนังออนไลน์ฟรี

Secret forest (Stranger)

นำแสดงโดย โจซึงอู แบดูนา อีจุนฮยอก และ ชินฮเยซอน
ประเภท สืบสวน อาชญากรรม

อัยการฮวังชีม๊ก (รับบทโดย โจซึงอู) เขาได้รับการผ่าตัดสมองมาตั้งแต่เด็กทำให้เขาได้รับผลกระทบต่อร่างกายของเขาคือไร้ความรู้สึก ทำให้เขาดูเป็นคนเยือกเย็นและโดดเดี่ยว วันนึงเขาได้ไปพบศพของพัคมูซองที่ถูกฆาตรกรรมทำให้เขาต้องสืบหาสาเหตุการตายที่ไปเชื่อมโยงการรับสินบนของอัยการในสำนักงานเขาและสำนักงานตำรวจเขาได้พบ ฮันยอจิน (รับบทโดย แบดูนา) และเขาก็ได้ทำงานด้วยกัน โดยการทำงานของเขาทั้งคู่ทำให้เขาต้องพบกับการรับสินบนและเบื้องหลังของสำนักงานอัยการ

ซีรีส์เรื่องนี้เล่าถึงการรับสินบนของสำนักงานอัยการ และการสืบสาเหตุการตายของพัคมูซองที่เชื่อมโยงไปยังสำนักอัยการ โดยจะมีตัวละครที่น่าสงสัยมาเรื่อยๆในทุกตอน และการตายของพัคมูซองเพื่อปกปิดอะไรบ้างอย่างในการรับสินบนของสำนักอัยการ ตอนเปิดเรื่องมา มีคนน่าสงสัยหลายคนมากไม่ว่าจะเป็นลูกชายของพัคมูซองและแม่ของมูซอง นอกจากนั้นก็ยังมีแพะรับผิดในคดีนี้ที่ ฆ่าตัวตายไปแต่ก็ยังไม่กระจ่างถึงสาเหตุการฆ่าตัวตายของเขา และกายองตัวละครใหม่ที่เพิ่มเข้ามาที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการสืบหาคนร้ายตัวจริงและการเชื่อมโยงถึงเบื้องหลังการรับสินบนสาเหตุที่เกิดฆาตรกรรมและการใส่ร้ายกัน

ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เราต้องดูละเอียดมาก คือห้ามกด skip เลยมิฉะนั้นอาจจะทำให้พลาดส่วนสำคัญได้ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงของนักแสดง หรือ รายละเอียดต่างๆของเรื่อง ที่คนเขียนบทตั้งใจจะถ่ายทอดออกมาให้เห็น เราว่าคนเขียนบทเรื่องนี้เก่งมากที่ตั้งใจจะถ่ายทอด บุคลิกลักษณะของตัวละครและเคมีที่เข้ากันระหว่างพระนางระหว่าง โจซึงอู กับ แบดูนา ซึ่งก็เป็นการคัมแบคมาเล่นละครของทั้งคู่ที่หายไปนานด้วย

ถึงจะเป็นซีรีส์ที่อาจไม่ได้พูดถึงที่ไทยมากนักแต่ก็จัดว่าเป็นซีรีส์แนวสืบสวนเรื่องนึงที่คนเขียนบทใส่รายละเอียดลงไปในแต่ละคนได้ลงตัวมากไม่ว่าจะเป็นบุคลิกลักษณะของพระเอก หรือไม่ก็อัยการในสำนักงานที่ทำให้นึกถึงวลีนี้เลย รู้หน้าไม่รู้ใจแต่อย่างที่บอกเราต้องค่อยๆเก็บรายละเอียดของเรื่องไปเรื่อยๆ

สนับสนุนโดย Vkvi.net ดูซีรี่ย์เกาหลี ซีรี่ส์ฝรั่ง  ดูหนังออนไลน์ฟรี