Record of Youth 

อีกหนึ่งซีรีย์เกาหลีที่มาแรงไม่แพ้กัน Record of Youth เป็นซีรีย์ที่พูดถึงเรื่องราวของหนุ่มสาวชาวเกาหลีที่ทำงานในแวดวงนายแบบนางแบบ ท่ามกลางเปลือกนอกที่สวยงาม พวกเขากลับไม่ต่างจากหนุ่มสาวในยุคนี้ที่ต้องต่อสู้กับความไม่มั่นใจ ความเหงา และความพยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองและต้องการจะประสบความสำเร็จ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ดูแลสร้างแรงบันดาลใจได้ดีมากค่ะ แถมเป็นซีรีย์เรื่องสุดท้ายก่อนที่พัคโบกอมจะเข้ากรมด้วย ใครเป็นแฟนห้ามพลาดเล

Start up

ใหม่ล่ามาแรงสุดนาทีต้อง Start up เรื่องราวชีวิตของคนวัยหนุ่มสาวที่ก้าวเดินจากจุดเริ่มต้นจน เติบโตในธุรกิจสตาร์ทอัพ ด้วยความใฝ่ฝันที่อยากจะประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับในฐานะอัจฉริยะ และมีชื่อปรากฏใน Silicon Valley ของเกาหลีใต้ เขาและเธอ ต่างเป็นแรงผลักดันของกันและกันโดยไม่รู้ตัว บอกเลยว่าสนุกมากค่ะ ดูมาถึงตอนนี้แล้วใครทีมพระรองยกมือขึ้นนนน! 

Sisyphus

ซีรีส์ไซไฟจากเกาหลีที่เพิ่งเริ่มออกอากาศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แม้ปมของเรื่องราวจะวนเวียนอยู่ที่วิศวกรอัจฉริยะ ฮันแทซุล (รับบทโดย โจซึงอู) ที่ประดิษฐ์เครื่องข้ามกาลเวลา จนเกิดความวุ่นวายปั่นป่วนในโลกปัจจุบัน ทำให้หญิงแกร่งจากโลกอนาคต คังซอเฮ (รับบทโดย พัคชินฮเย) ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตจากทำลายล้างจากสงคราม ต้องย้อนเวลากลับมาช่วยชีวิตฮันแทซุล รวมทั้งปกป้องเกาหลีจากความล่มสลายนี้ให้ได้ นานๆ ทีเราจะได้เห็นซีรีส์จากฝั่งเกาหลีที่ให้ผู้หญิงได้รับบทนำเป็นฮีโร่ในภารกิจกอบกู้โลก ซึ่งพัคชินฮเยก็สามารถรับบทแอคชั่นต่อสู้ได้อย่างน่าประทับใจ พร้อมคำพูดติดปากของเธอ “วันนี้ยังไม่ใช่วันตายของฉัน” เป็นอีกหนึ่งตัวละครหญิงแกร่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับสาวๆ ได้อย่างดี
ติดตามชม Sisyphus ได้ ทุกวันพุธและพฤหัส เวลา 20.30 น.

Love in Her Bag

ซีรีส์ที่สร้างมาจากเรื่องจริงจากเจ้าของแบรนด์กระเป๋าชื่อดังในเกาหลี HELIANTHUS ซึ่งเป็นเรื่องราวของ Kelly Nam ที่มีความฝันและรักในการสร้างแบรนด์กระเป๋าของตนเองจนประสบความสำเร็จ และเป็นแบรนด์ระดับประเทศ โดยได้พระเอกซีรีส์ คิมจองฮุน โด่งดังจากเรื่อง Goong หรือ Princess Hour แสดงเป็นพระรองในเรื่อง และยังร้องเพลงประกอบซีรีส์อีกด้วย สำหรับซีรีส์ ภารกิจรักฉบับกระเป๋า (Love in Her Bag) เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงสองคนที่มีชะตาชีวิตต่างกันกับผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่างซึ่งกำลังหาความจริงและสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิต อึนจองซู (รับบทโดย ชอยจุงวอน) ผู้ที่รักการทำกระเป๋าซึ่งเธอทำงานในบริษัทกระเป๋าแบรนด์หรู โดจินโฮ (รับบทโดย คิมจองฮุน) ผู้ชายที่ทั้งหล่อและรวยเป็นทายาทเจ้าของบริษัทแบรนด์กระเป๋าชื่อดัง อึนคยองฮี (รับบทโดย ซอนอึนซอ) ผู้หญิงที่ซ่อนตัวตนที่แท้จริงเพื่อที่จะสานฝันของตน ความรัก ความวุ่นวายของพวกเขาจะเป็นอย่างไร…

เรื่องย่อ : Mouse (2021) นักล่ามนุษย์

เรื่องย่อ : จะเกิดอะไรขึ้นหากมีคนสามารถแยกแยะคนโรคจิตได้ล่วงหน้าตั้แต่เด็กทารถอยุ่ในครรภ์ และประเด็นมุ่งเน้นไปที่ คำถามที่ว่า “คุณจะให้กำเนิดเด็กที่คุณก็รู้ว่าเขาจะเป็นโรคจิตหรือไม่?”

เรื่องย่อซีรีส์ : Mouse (2021) | Korseries
เรื่องย่อซีรีส์ : Mouse (2021) | Korseries

ชื่อเรื่อง : Mouse | 마우스
แนว : ลึกลับ | ดราม่า | ระทึกขวัญ | อาชญากรรม | แอคชั่น
ผู้กำกับ : ชเวจุนเบ (ผลงานก่อนหน้า “Come and Hug Me”)
คนเขียนบท : ชเวรัน (ผลงานก่อนหน้า “Black”)
ช่อง : tvN
จำนวนตอน : 20
ช่วงเวลาออนแอร์ : 3 มีนาคม – 6 พฤษภาคม 2564
วัน-เวลาออนแอร์ : พุธ-พฤหัส เวลา 22.30 น. (ตามเวลาเกาหลี)

เรื่องย่อซีรีส์ : Mouse (2021) | สยามรัฐวาไรตี้ | LINE TODAY
เรื่องย่อซีรีส์ : Mouse (2021) | Korseries

ตัวอย่าง

เรื่องย่อ : The Penthouse: War in Life

The Penthouse: War in Life จะเล่าถึงเรื่องราวความทะเยอทะยาน ความเป็นแม่ และความสำเร็จของหญิงสาวคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นในวงการธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นและมีเพียงเป้าหมายเดียวในใจทำให้เธอได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมชั้นสูง

ชื่อเรื่อง: Penthouse: War In Life (펜트하우스)
ประเภท: ดราม่า / ระทึกขวัญ
กำกับโดย: จูดงมิน (จาก The Last Empress)
เขียนบทโดย: คิมซุนอ๊ก (จาก The Last Empress)
จำนวน: 21 ตอน (44 ตอนย่อย)

เรื่องย่อซีรีส์ : The Penthouse (2020) | Korseries
EPISODE 16 — THE PENTHOUSE WAR IN LIFE EP. 16 ENGSUB On SBS (FULL —  EPISODE) | by [On Mega™] THE PENTHOUSE WAR | THE PENTHOUSE WAR IN LIFE EP.  16 | Dec, 2020 | Medium

รีวิวซีรี่ย์เกาหลี Flower of Evil : หรือเขาคนนี้อาจเป็น “ฆาตกร”

Flower of Evil เล่าเรื่องของครอบครัวแสนอบอุ่นของ แบคฮีซอง (รับบทโดย อีจุนกิ) ช่างโลหะฝีมือดีที่มีสตูดิโอเป็นของตัวเอง ภรรยาของเขาคือ ชาจีวอน (รับบทโดย มุนแชวอน) สายสืบหญิงแกร่งที่มุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่เคยละเลยหน้าที่ของภรรยาและแม่ที่ดี พวกเขามี แบคอึนฮา ลูกสาวตัวน้อยเป็นพยานรักและเติมเต็มให้มีชีวิตครอบครัวที่เกือบจะสมบูรณ์พร้อม 

ที่ว่าเกือบจะสมบูรณ์ เพราะแบคฮีซองมีบางอย่างที่พยายามปิดบังทุกคนเอาไว้ เนื้อเรื่องปูทางให้เราเริ่มตั้งข้อสงสัยกับเขาตั้งแต่ที่ชายหนุ่มผู้สุภาพอ่อนโยนมีภารกิจต้องฝึกแสดงสีหน้า ทั้งการยิ้ม หัวเราะ และใบหน้าของความเห็นใจ ที่หน้ากระจกในทุกๆ วัน เพื่อปิดบังใบหน้าแสนเรียบเฉยและเย็นชาที่ซ่อนอยู่ภายในของเขา ถ้ารอยยิ้มที่เขาส่งมาทุกวันไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริง ไหนจะความสัมพันธ์กับพ่อแม่ที่ดูไม่ค่อยสนิทสนมกันเท่าที่ควร แล้วความจริงที่เขาพยายามซ่อนเอาไว้คืออะไรกันแน่

เรื่องนี้อีจุนกิรับบทเป็น โดฮยอนซูในคราบ แบคฮีซอง อ่ะ ไม่งงนะ คือฮีทิ้งชีวิตความเป็นโดฮยอนซู เด็กหนุ่มที่เป็นลูกชายของฆาตกรต่อเนื่องมาเป็น แบคฮีซอง ลูกชายของเจ้าของโรงพยาบาล ทิ้งชีวิตเมื่อ 18 ปีที่แล้วเอาไว้ข้างหลังอย่างหวาด ๆ แล้วมาแต่งงานอยู่กินกับ ชาจีวอน (มุนแชวอน) ตำรวจสายสืบคดีอาชญากรรม อยู่กินกันมา 14 ปี จนมี แบคอึนฮา (จองซอยอน) ลูกสาววัยกำลังน่ารักด้วยกัน 1 คน

ภายนอกแบคฮีซองคนนี้ เป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่น่ารักของลูก เปิดร้านออกแบบโลหะอยู่กับบ้าน ดูแลลูกและภรรยาอย่างไม่ขาดตกบกพร่องแถมยังทำอาหารอร่อย เรียกได้ว่าคือสามีในฝันที่ใครเห็นต่างก็พากันอิจฉา เป็นครอบครัวอบอุ่นที่เหมาะสมกับคำว่าสมบูรณ์แบบ จนกระทั่งชาจีวอนต้องเข้าไปรับผิดชอบคดีฆาตกรรม และเริ่มสงสัยว่าสามีที่อยู่กินมานาน 14 ปี อาจเป็นฆาตกรที่หลบซ่อนอยู่ในชื่อคนอื่น


ในอีกมุมหนึ่ง เกิดเหตุฆาตกรรมที่ฆาตกรลอกเลียนแบบคดีดังเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน เป็นการฆ่าแบบทารุณเหยื่อจนวินาทีสุดท้ายและเกิดต่อเนื่องอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง จึงร้อนไปถึงชาจีวอนที่ได้รับมอบหมายมาทำคดีนี้ ด้วยความที่เธอมักมุ่งมั่นและทุ่มสุดตัวเพื่อไขคดี เธอจึงค่อยๆ เอาตัวเองไปใกล้กับคนร้าย และอาจจะใกล้มากเสียจนเป็นคนข้างกายที่เธอรู้จักมากว่า 14 ปีก็ได้ 

ด้วยหลักฐานและพยานในเหตุการณ์ชี้ไปว่าคนร้ายในคดีฆาตกรรมล่าสุดอาจจะเป็น โทฮยอนซู ลูกชายของฆาตกร โทมินซอก ผู้ล่วงลับ ยิ่งสืบลึกลงไป ตัวตนของโทฮยอนซูก็ยิ่งน่าสงสัยมากขึ้น เพราะไม่มีใครได้พบเขามากกว่า 20 ปี ไม่มีใครรู้ว่าเขายังอยู่หรือว่าตาย มีเพียงหลักฐานที่ค่อยๆ ชี้ว่าเขานี่แหละคือฆาตกรที่โผล่มาก่อเหตุฆาตกรรมโหดอีกครั้ง

มาถึงตรงนี้ผู้อ่านน่าจะพอเดาได้คร่าวๆ ว่าโทฮยอนซูในเรื่องคือใคร และเราก็ต้องขออภัยที่จะต้องสปอยล์เนื้อหาสำคัญเพื่อให้เล่าเรื่องน่าสนใจในลำดับต่อ ๆ ไปได้ง่ายยิ่งขึ้น โทฮยอนซูที่ว่าก็คือแบคฮีซองนั่นเองค่ะ (ส่วนจากลูกชายฆาตกรกลายมาเป็นลูกชายผู้อำนวยการโรงพยาบาลและช่างโลหะเลื่องชื่อได้อย่างไร แนะนำให้ไปหาคำตอบด้วยตัวเอง สนุกมาก!) 

เมื่อเป็นเช่นนั้น โทฮยอนซู (ในนามของแบคฮีซอง) เลยต้องออกมาปกป้องตัวเองด้วยการตามหาคนร้ายตัวเอง ไปพร้อม กับปกปิดไม่ให้ภรรยารู้ตัวตนที่แท้จริง แต่ยิ่งค้นลงไปลึกเท่าไหร่ ความจริงในอดีตที่เลวร้ายก็ค่อย ๆ ปรากฏชัดเจนขึ้น ฆาตกรที่แท้จริงกลับมีมากกว่าหนึ่งคน และไม่ใช่เพียงฆาตกรที่ฆ่าคนบริสุทธิ์ให้ตาย แต่ยังมีฆาตกรที่พรากหัวใจและจิตวิญญาณของคนธรรมดาอีกหลายคนไปด้วย 

ถ้าถามว่าจุดไหนของซีรีส์ Flower of Evil ที่เราให้คะแนนเต็มสิบ ขอยกให้เรื่องการเชื่อมโยงเรื่องราวให้เข้ากันได้อย่างต่อเนื่อง อย่างที่บอกว่าปมปัญหาแรกของเรื่องเริ่มจากการที่ปูให้คนดูเริ่มสงสัยในพฤติกรรมแปลกๆ ของแบคฮีซอง ต่อด้วยการจุดชนวนปมใหญ่อย่างการที่บุคคลสูญหายอย่างโทฮยอนซูถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นฆาตกร ทำให้ทุกสายตาที่เคยมองผ่านกลับมาสนใจและตามหาตัวโทฮยอนซูอีกครั้ง เดือดร้อนถึงแบคฮีซองที่ต้องมาแก้ต่างให้ตัวเอง แต่กลับออกหน้าไม่ได้ และไหนจะต้องรับมือกับความหวาดระแวงขั้นสูงของชาจีวอน ภรรยาข้างกายที่ระแคะระคายว่าคนรักของเธอคือฆาตกรที่กำลังตามหา ขอบอกเลยว่านี่แค่เริ่มเรื่องเท่านั้น นับเป็น 2 จาก 16 ตอนก็ว่าได้ ยังมีการเชื่อมโยงเรื่องอีกมากมายรอให้คุณไปพิสูจน์ว่า Flower of Evil ทำได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ 

อีกประเด็นที่ Flower of Evil หยิบมาเล่าแล้วกระทบใจเราเป็นพิเศษ คือปัญหาเรื่องการเลี้ยงดูลูกของพ่อแม่ ในเรื่องมีตัวอย่างของครอบครัวหลายแบบที่แสดงวิธีการฟูมฟักให้เด็กคนหนึ่งเติบโตมาในแบบของตัวเอง บ้างพยายามถ่ายทอดความคิด ความชอบ หรือขีดเส้นทางชีวิตให้เด็ก แต่สิ่งหนึ่งที่ครอบครัวของตัวละครในเรื่องมักปฏิบัติกับลูก คือการสร้างความคาดหวังและอยากให้ลูกมีชีวิตที่เป็นไปตามความหวังนั้นๆ ซึ่งบางครั้งก็อาจจะมากเกินไป หรือไม่ใช่การมีชีวิตอย่างที่คนปกติจะเป็น ถ้าจะเรียกว่าเป็นการที่ “พ่อแม่รังแกฉัน” ก็คงจะไม่ได้ผิดความหมายไปเท่าใดนัก 

ใครคือฆาตกรต่อเนื่องตัวจริง สุดท้ายชายที่สังคมตราหน้าไปแล้วว่าเป็นคนร้าย แท้จริงเขาคือคนผิดหรือไม่ ปัญหาความสัมพันธ์ของคู่รักที่มีชีวิตและครอบครัวเป็นเดิมพันจะจบลงอย่างไร และสุดท้าย เขาจะมีชีวิตต่อไปในนามของแบคฮีซองหรือโทฮยอนซู ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน Flower of Evil 

Flower of Evil

  • แนว : เมโลดราม่า | ลึกลับ | ระทึกขวัญ
  • ผู้กำกับ : คิมชอลคยู
  • คนเขียนบท : ยูจองฮี
  • วัน-เวลาออนแอร์ : พฤหัส-ศุกร์
  • จำนวนตอน : 16
  • ช่วงทางรับชม : VIU , WeTV , iQIYI

รีวิวซีรี่ย์เกาหลี START-UP สตาร์ทอัพ 4.0 บน NETFLIX

ซีรี่ย์เล่าถึงตัวละครทั้งสี่คนที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ต่างเดินตามความฝัน โดยเป้าหมายก้าวแรกของ (เกือบ) ทุกคนคือ “Sandbox” ซึ่งเป็นองค์กรที่สนุบสนุนด้านความรู้ เงินทุน สถานที่ และ facility ต่าง ๆ เพื่อให้เหล่าสตาร์ทอัพไปสู่เป้าหมายใหญ่ได้ง่ายขึ้น (น่าจะ inspired มาจาก Silicon Valley ซึ่งเป็น community ของเหล่าสตาร์ทอัพมืออาชีพ และเป็นหนึ่งในเป้าหมายสูงสุดของชาวสตาร์ทอัพทั่วโลก)

Start-Up ซีรีส์รักเกิดในวงการสตาร์ทอัพ การพบกันของแบซูจีและนัมจูฮยอก – THE  STANDARD

Start-Up (หรือ Original title คือ Seutateueob) ep.1 ของ Netflix ออนแอร์ครั้งแรกตั้งแต่ 17 ต.ค. 2020 ซีรีส์มันสนุกจริง ๆ และเขาก็ทำให้เราอินกับตัวละครอย่างโงหัวแทบไม่ขึ้น เสมือนเรากำลังเดินทางและเริ่มดำเนินสตาร์ทอัพไปพร้อม ๆ กับตัวละครเอก

ด้วย Start-Up มันเป็น ongoing series ที่ปล่อยเป็นตอน ๆ มาใหม่ทุก ๆ เสาร์-อาทิตย์ (มีทั้งหมด 16 episodes) ระหว่างที่เรารอ ep ใหม่มาฉายในวันเสาร์ถัดไป เราก็อยากจะเขียนถึง Start-Up เพื่อบันทึกความคิดความรู้สึกของเราที่มีต่อซีรีส์เรื่องนี้เอาไว้สักหน่อย โดย Start-Up ถือเป็นซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกที่เราดูแล้วอยากเขียนเป็นบล็อก และเป็นซีรีส์เรื่องแรกที่เราจะเขียนบล็อกตั้งแต่ยังดูไม่จบทุก episodes

Start-Up เป็นซีรีส์เกาหลีของ Netflix เรื่องล่าสุดที่เล่าเกี่ยวกับวงการธุรกิจอีกเรื่อง ที่เพิ่งคลอดตาม Itaewon Class มาในช่วงท้ายปี ในขณะที่ Itaewon Class เน้นไปที่การทำร้านอาหารในย่านทำเลทองและการลงทุนในระยะยาว Start-Up จะเน้นพูดถึงธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เน้นที่ไอเดียใหม่ ๆ การระดมทุนจากนายทุน และการเติบโตที่ไวกว่า SME (จึงมักใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน)

Start-Up เป็นเทรนด์ธุรกิจที่มีอิทธิพลต่อความฝันของคนรุ่นใหม่และวิถีชีวิตของผู้คนในยุค 4.0 เป็นอย่างยิ่ง อาจเพราะชื่อเรียกอันสวยหรู อาจเพราะเราต่างเติบโตมากับเทคโนโลยี อาจเพราะเราอยากจะเปลี่ยนแปลงโลก อาจเพราะผลตอบแทนที่ประเมินค่าไม่ได้ อาจเพราะมี MarkZuckerberg กับ Steve Jobs เป็นไอดอล หรืออาจเพราะเบื่อระบบการทำงานแบบเก่า ๆ ฯลฯ แต่ทว่า เส้นทางนี้ โดยเฉพาะในช่วงตั้งไข่ มันไม่ง่าย ไม่ได้สวยหรู เช่นเดียวกับ Steve Jobs ที่ต้องเริ่มต้นเปิดเปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่ของนักล่าฝันในแวดวงสตาร์ทอัพจึงมักประสบความล้มเหลวมากกว่าประสบความสำเร็จ


  • Seo Dal-mi (Suzy Bae จาก Ashfall) เด็กสาวสู้ชีวิต เธอเลือกอยู่กับพ่อหลังจากพ่อแม่หย่ากัน แต่พอพ่อจากไป เธอก็มาอาศัยอยู่กับย่า (Hae-sook Kim จาก The Handmaiden) เธอฉลาดและมีความสามารถแต่ไม่ได้เรียนจบมหาวิทยาลัย ทำให้เธอไม่ได้บรรจุเป็นพนักงานประจำสักทีทั้งที่ตั้งใจทำงานหนักเพื่อองค์กรมาโดยตลอด เธอจึงลาออกและพยายามเข้าวงการสตาร์ทอัพ

  • Won In-jae (Han-na Kang จาก Empire of Lust) พี่สาวแท้ ๆ ของ Seo Dal-mi แต่เธอเลือกไปอยู่กับแม่และครอบครัวใหม่ของแม่ที่เป็นนักธุรกิจมหาเศรษฐี เธอช่วยพ่อใหม่ขยายอาณาจักรธุรกิจจนใหญ่โต แต่สุดท้ายพ่อใหม่ก็เอาไปยกให้ทายาทในไส้ของเขาทำต่อ ทำให้ In-jae ออกมาทำสตาร์ทอัพเอง เพื่อลบล้างคำสบประมาทที่ว่า เธอมีทุกวันนี้ได้เพราะเงินและเส้นสายของพ่อใหม่

  • Nam Do-san (Joo-Hyuk Nam จาก The Great Battle) นักคณิตศาสตร์โอลิมปิก เนิร์ดไอที ขอเงินพ่อแม่มาเริ่มลงทุนทำสตาร์ทอัพของตัวเองกับเพื่อนอีกสองคน “Samsan Tech” แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่มีนักลงทุนคนไหนสนใจที่จะมาลงทุนด้วย เขารู้สึกแย่ที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง และการได้พบกับ Seo Dal-mi มันช่วยผลักดันเขาให้เขาปรับปรุงตัวเองและประสบความสำเร็จให้ได้

  • Han Ji-pyeong (Sun-ho Kim จาก Catch the Ghost) เป็นเด็กกำพร้าที่คุณย่าของ Seo Dal-mi เคยช่วยเหลือไว้ เขาเก่งด้านการลงทุนทำให้เขามีเงินส่งตัวเองเข้ามหาวิทยาลัยโซล มีหน้าที่การงานดี ฐานะการเงินมั่นคง และมีชีวิตที่สุขสบาย แต่เขาต้องมาช่วย Seo Dal-mi และ Nam Do-san ทำสตาร์ทอัพให้สำเร็จ
Netflix ประกาศฉาย Start-Up ทำความรู้จัก 4 ตัวละครนำก่อนเจอกันตุลาคมนี้

แน่นอนว่า นอกจากพาร์ทของการทำธุรกิจแล้ว ซีรีส์ที่สนุกต้องมีสตอรี่หรือปมอื่น ๆ ด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติและสีสัน หนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้คนดูอยากติดตามเอาใจช่วยและเวิร์กกับหนัง/ซีรีส์แทบทุกเรื่องคือ ปมรักสามเส้า ซึ่งสำหรับใน Start-Up ก็คือ…

สมัยที่ทุกคนยังเป็นวัยรุ่น คุณย่าเคยขอให้ Ji-pyeong เป็น pen pal ให้กับ Dal-mi หน่อย เพราะสงสารที่เธอต้องแยกกับพี่สาว แต่ในจดหมายพวกเขาใช้ชื่อปลอมโดยแรนดอมจากหน้าสนพ. ได้ชื่อว่า Nam Do-san ซึ่งตอนนั้นได้แชมป์คณิตศาสตร์โอลิมปิก ทำให้ Do-san กลายเป็นรักแรกของ Dal-mi ทั้งที่ไม่เคยเจอกัน

กีซึงนัง จอมนางสองแผ่นดิน

Empress Ki กีซึงนัง จอมนางสองแผ่นดิน ละครอิงประวัติศาสตร์ ที่ได้ ฮาจีวอน มารับบทเป็น กีซึงนัง (จักรพรรดินีกี) หญิงสาวสามัญชนจากอาณาจักรโครยอที่ชีวิตพลิกผันกลายเป็นองค์จักรพรรดินีขององค์จักรพรรดิแห่งแคว้นหยวน ประเทศจีน

เรื่องย่อ

ซึงนังหญิงสาวผู้มีอำนาจสั่นคลอนบัลลังก์ของสองอาณาจักร มีชีวิตในวัยเด็กที่รันทด ต้องหนีการตามล่าเพื่อถูกนำไปขายให้กับแคว้นหยวน ซึงนังจึงได้ปลอมตัวเป็นชายและต่อมาได้กลายเป็นหัวหน้ากลุ่มรับทำงานทุกอย่าง เพื่อนำเงินที่ได้ไปไถ่ตัวหญิงสาวที่ถูกขายไปยังแคว้นหยวน โชคชะตาทำให้ซึงนังได้พบกับองค์รัชทายาทแห่งโครยอที่ปลอมพระองค์มาสืบเรื่องลับ และโชคชะตาก็ได้เล่นตลกกับซึงนังอีกครั้งเมื่อได้พบกับฮ่องเต้แห่งแคว้นหยวน รักสามเส้านี้จะจบเช่นไร และเส้นทางการขึ้นสู่การเป็นองค์จักรพรรดินีของกีซึงนังจะมีอุปสรรคเพียงใด ติดตามได้ใน ซีรีส์ กีซึงนัง จอมนางสองแผ่นดิน

เป็นหนึ่งในหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่เล่นซีรีส์เรื่องไหนก็ขโมยหัวใจของแฟนๆ สำหรับหนุ่ม “จีชางอุค” โดยเฉพาะเมื่อขาต้องมาสวมบทบาท “ฮ่องเต้หยวนฮุ่ยจง” จากซีรีส์ “กีซึงนัง จอมนางสองแผ่นดิน” ก็ได้ทำให้ชื่อของหนุ่มหน้าหวานคนนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจของแฟนซีรีส์กันเป็นแถว ซึ่งถ้าไปย้อนดูผลงานของจีชางอุคแล้วจะรู้เลยว่าผู้ชายคนนี้เข้าถึงทุกคาแรคเตอร์ที่ได้รับ แถมยังเป็นคาแรคเตอร์ที่มีผลต่อหัวใจของสาวๆ ซะด้วย

อีกหนึ่งตัวละครที่มีบทบาทสำคัญจากซีรีส์ กีซึงนัง จอมนางสองแผ่นดิน ที่ขาดไปไม่ได้คือ วังยู พระราชาโครยอ ผู้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อดินแดนบ้านเกิดมาโดยตลอด เรื่องราวของ วังยู จากซีรีส์มีความน่าสนใจในหลายๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นความฉลาดในการวางแผนรบ การเสียสละความรักเพื่อบ้านเมือง มีวีรกรรมที่สำคัญหลายครั้งในยุคสมัยโครยอ แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าตัวตนของ วังยู บนหน้าประวัติศาสตร์กลับไม่ได้รับการยืนยันอย่างชัดเจน

ถึงแม้จะจะมีการสันนิษฐานว่าไว้ว่า วังยู คือ “พระเจ้าชุงฮเย” ผู้ครองแคว้นองค์ที่ 4 ของอาณาจักรโครยอ พระองค์มีพระนามเดิมว่า “วังโก” ซึ่งเมื่อเทียบประวัติของพระองค์กับเรื่องราวของ วังยู แล้วมีส่วนที่ตรงกันคือ ได้ขึ้นครองราชสมบัติสองรอบ คือในปีค.ศ. 1330 องค์ชายวังโกยึดอำนาจจากพระเจ้าชุงซุก (พระราชบิดา) ขึ้นเป็นอ๋องเสิ่นหยาง เปลี่ยนพระนามเป็นพระจ้าชุงฮเย แต่ก็ถูกพระเจ้าชุงซุกยึดอำนาจคืนในปีค.ศ. 1332 จนเมื่อพระเจ้าชุงซุกสวรรคต ในปีค.ศ. 1339 พระเจ้าชุงฮเย จึงได้ขึ้นเป็น อ๋องเสิ่นหยาง ผู้นำแห่งโครยออีกครั้ง

แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ถูกปฏิเสธจากนักวิชาการ เพราะจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า พระเจ้าชุงฮเย ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดินีกีแม้แต่น้อย แต่ก็มีบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะเรื่องราวส่วนที่เป็นความสัมพันธ์ข้ามราชวงศ์นี้ อาจจะกระทบกระเทือนถึงขนบธรรมเนียมราชประเพณีโบราณ ของทั้งสองอาณาจักรคือ ต้าหยวน และโครยอ รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงไม่มีการบันทึกเรื่องราวในส่วนนี้ไว้ในประวัติศาสตร์ก็เป็นได้

ถึงแม้ว่าในทางประวัติศาสตร์จะไม่อาจระบุได้ว่า วังยู นั้นมีตัวตนหรือไม่ แต่เชื่อว่าในใจของแฟนๆ ซีรีส์แล้ว เรื่องราวความรักและความเสียสละของราชาโครยอคนนี้ จะยังคงความประทับใจที่ยากจะลืม

ในที่สุดความเข้มข้นของซีรีส์ กีซึงนัง ก็เดินทางมาถึงจุดที่เป็นบทสรุปสุดท้าย ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าชีวิตของ “พระสนมกี” มาไกลเกินกว่าที่จะถอนตัวจากการแย่งชิงอำนาจอันสูงส่งเพื่อปลดแอกชาวโครยอ ให้หลุดพ้นจากการที่ต้องตกอยู่ในฐานะเมืองขึ้นของต้าหยวน โดยมีองค์รัชทายาทเป็นสิ่งค้ำยันอำนาจที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ในกำมือของพระนางไว้ทั้งหมดในตอนนี้
แต่ถึงจะดูว่าทุกอย่างจะตกอยู่ในการควบคุมของ พระสนมกี หมดแล้วก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า “ฮ่องเต้แห่งหยวน” ก็ยังคงมีพระชนม์ชีพอยู่ แม้ในขณะนี้จะดูเป็นผู้ไร้ความสามารถ และไร้ผู้สนับสนุนที่แท้จริง…แต่คนเราเมื่อสูญเสียไปแล้วทุกอย่าง ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลอีกต่อไป เหมือนกับฮ่องเต้หยวนในยามนี้ ที่สูญเสียทั้งความรักและอำนาจมาโดยตลอด จนไม่มีจะต้องห่วงอีกต่อไป…หากลุกขึ้นสู้อีกครั้งเพื่อทวงทุกอย่างคืนมา จากคนที่รัก พระสนมกี สุดหัวใจก็อาจจะกลายเป็น “คู่ต่อสู้ที่น่ากลัว” ของพระนางได้เช่นกัน

สิ่งหนึ่งที่ ฮ่องเต้หยวน จะมองข้ามไม่ได้หากคิดจะชิงอำนาจกลับมา ก็คือ “วังยู” ผู้นำของโครยอที่เป็นเหมือนศัตรูหัวใจของ ฮ่องเต้ มาโดยตลอด และมีความเป็นไปได้สูงที่ วังยู จะให้การสนับสนุนพระสนมกี มากกว่าที่จะสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ตามหน้าที่ หากต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกข้างขึ้นมาจริงๆ…นี่คือสิ่งที่ทั้ง พระสนมกี และ ฮ่องเต้หยวน จะต้องช่วงชิงกัน หากพระสนมกีเป็นผู้สมหวัง พระนางจะได้ทั้งอำนาจ และโอกาสที่จะสนับสนุนวังยูต่อไป แต่หากฮ่องเต้เป็นฝ่ายมีชัย อำนาจแห่งแคว้นต้าหยวนก็จะกลับคืนสู่คนที่ถูกต้อง และถ้าจะกำจัดคู่แข่งหัวใจอย่างวังยู…ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

สุดท้ายแล้ว…ใครจะเป็นผู้ได้ชัยชนะในอำนาจแห่งราชบัลลังก์หยวน เพื่อพลิกชะตาชีวิตของตนเองและบ้านเมืองในครั้งนี้

ติดตามบทสรุปนี้ได้ในซีรีส์ กีซึงนัง จอมนางสองแผ่นดิน ดูหนังออนไลน์ฟรี

Oh! My Lady รักต่างขั้ว แต่ชัวร์ว่าเธอ

รักต่างขั้ว แต่ชัวร์ว่าเธอ oh! my lady (오! 마이 레이디)

นำแสดงโดย : ชอย ซีวอน / แชริม / ลี ฮยอนวู / ปาร์ก ฮันบยอล

เรื่องย่อ

ยุน เกฮวา แม่ม่ายสาวสู้ชีวิตที่ต้องดิ้นรนเพื่อตนเองและ มินจี ลูกสาวของเธอ เธอยอมทำงานทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงลูกและตัวเอง แต่ด้วยฐานะทางการเงินที่ไม่ค่อยจะดีนักทำให้เธอต้องฝาก มินจี ไว้กับสามีเก่าของเธอ แต่แล้วจู่ ๆ โชคก็เข้าข้าง เมื่อเธอได้รับงานเป็นแม่บ้าน โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่า เป็นบ้านของซูเปอร์สตาร์ ซอง มินวู ดาราหนุ่มที่ฝีมือการแสดงยังไม่ค่อยน่าปลื้มนัก แต่กลับมีกลุ่มแฟนคลับที่คอยตามคลั่งไคล้อย่างมากมาย

ในขณะเดียวกันเธอก็ไปสมัครงานเป็นพนักงานฝึกหัดที่บริษัทเกี่ยวกับการแสดงแห่งหนึ่ง แต่ด้วยความที่เธออายุมากแล้วจึงทำให้ทางบริษัทไม่ค่อยต้อนรับเธอเท่าที่ควร ยู ซีจุน เจ้าของบริษัทจึงยื่นเงื่อนไขว่า ถ้าเธอสามารถดึง ซูเปอร์สตาร์อย่าง มินวู ให้มาแสดงละครเวทีกับทางบริษัทได้ เขาถึงจะรับเธอเข้าทำงาน เกฮวา จึงพยายามสารพัดที่จะให้ มินวู มาร่วมแสดงละครเวทีให้ได้ จนวันหนึ่ง เธอดันไปรู้เห็นเหตุการณ์ที่มีหญิงสาวคนหนึ่ง ส่งเด็กน้อย เยอึน มาให้กับ มินวู ในฐานะลูกสาวของเขา โดยทิ้งจดหมายไว้ให้ฉบับหนึ่ง โดยที่ มินวู เองยังไม่ยอมรับ และพยายามจะนำเด็กไปทิ้ง แต่ในที่สุดเขาก็ทำไม่ได้ จึงต้องให้ เกฮวา ที่รู้ความลับตั้งแต่แรกช่วยดูแลและเป็นแม่เด็กให้ โดยแลกกับการเข้าร่วมแสดงละครเวทีให้กับบริษัทของเธอ

เกฮวา จึงต้องย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของ มินวู เพื่อดูแล เยอึน เพราะ เยอึน เป็นเด็กมีปัญหา เธอไม่ยอมพูดจากับใคร เกฮวา คอยดูแลหนูน้อยมาโดยตลอด และด้วยความอยากรู้เธอจึงแอบพิสูจน์ดีเอ็นเอ จนทำให้รู้ว่า เยอึน และ มินวู เป็นพ่อลูกกันจริง ๆ เมื่อผู้จัดการของ มินวู รู้ว่า มินวู มีลูกสาว ก็ไม่พอใจอย่างมาก จนทำให้ทั้งคู่มีเรื่องทะเลาะกัน เกฮวา ต้องเข้ามาปกป้องทั้งคู่ ทำให้ มินวู เกิดความประทับใจในตัว เกฮวา

เกฮวา พยายามทำงานให้ดีที่สุดเพื่อความมั่นคง และจะได้รับลูกสาวกลับมาอยู่กับเธอ เธอเริ่มประทับใจในตัวของ ซีจุน เจ้านายของเธอเนื่องจากเขา คอยให้ความช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด อีกทั้ง เกฮวา เข้าไปรับรู้ปัญหาครอบครัวของ ซีจุน และรู้ถึงความไม่มั่นคงของบริษัทอีกด้วย เมื่อ มินวู รู้ว่าบริษัทที่ เกฮวา ทำงานเริ่มมีปัญหา และเขาเองก็เป็นนักแสดงคนหนึ่งของละครเวทีในบริษัทนี้ เขาจึงยื่นมือเข้าไปช่วย โดยเสนอเงินให้ ซีจุน แต่ ซีจุน กลับไม่พอใจ

ฮง ยูรา อดีตเพื่อนสาวที่ มินวู เคยหลงรักตอนที่เขายังไม่โด่งดัง เริ่มกลับมาให้ความสนใจ มินวู ทั้งคู่จึงสานสัมพันธ์กัน โดยที่ ยูรา ไม่เคยรู้มาก่อนว่า มินวู มีลูกสาวซ่อนอยู่ ผู้จัดการประจำตัวของ มินวู จึงยุให้ส่ง เยอึน ไปไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เพื่อไม่ให้ ยูรา รู้ เมื่อ เกฮวา รู้ว่า มินวู คิดทอดทิ้ง เยอึน เธอไม่พอใจมากจนมีปากเสียงกัน มินวู จึงไล่ เกฮวา ออกจากบ้าน แล้วข่าวที่ว่า มินวู มีลูกน้อยซ่อนอยู่ก็แพร่ออกไป จนทำให้ มินวู เสียชื่อเสียง และเสียงานทั้งหมดไป มินวู จะสามารถเรียกความศรัทธาทั้งหมดคืนมาได้หรือไม่ แล้วความรักต่างวัยของพวกเขาจะลงตัวได้อย่างไร ต้องติดตามชมใน รักต่างขั้ว แต่ชัวร์ว่าเธอ Oh My Lady ดูหนังออนไลน์ฟรี