รีวิว Dragon’s Dogma Netflix อนิเมะเลือดสาดสุดมันส์จากเกม RPG ชื่อดัง

Dragon’s Dogma วิถีกล้าอัศวินมังกร อนิเมชั่นซีรีส์เรื่องใหม่ของ Netflix ที่สร้างมาจากเกม RPG ชื่อดังของค่าย CAPCOM เรื่องราวเกี่ยวกับ อไรเซน คนที่ถูกมังกรช่วงชิงหัวใจไป เขาจึงต้องเดินทางตามหาความจริงกับคู่หูและนำหัวใจกลับคืนมาให้ได้

รีวิว Dragon’s Dogma วิถีกล้าอัศวินมังกร

รีวิว Dragon's Dogma Netflix อนิเมะเลือดสาดสุดมันส์จากเกม RPG ชื่อดัง 1

อนิเมชั่นเรื่องนี้สร้างมาจากเกม RPG ในชื่อเดียวกันของค่าย CAPCOM นั่นก็คือ Dragon Dogma Dark Arisen (มีให้เล่นบน Steam) ซึ่งตัวเกมค่อนข้างเก่าแล้ว โดยจุดเด่นของเกมนี้คือระบบต่อสู้อันตื่นตาตื่นใจ ทั้งการปล่อยสกิล ตัวละครที่สู้กับมอนส์เตอร์ขนาดยักษ์ สามารถปีนป่ายไปตามตัวของมันได้ รวมไปถึงระบบคู่หูช่วยสู้ที่เรียกว่า Pawn และเนื้อเรื่องฉากจบที่อลังการประทับใจ ทำให้นักเล่นเกมหลายคนยกย่องให้ว่าเป็นเกมแนวแอคชั่นอาร์พีจีที่ดีมากอีกเกมหนึ่ง

ส่วนทางด้านอนิเมชั่นนั้นก็ได้สตูดิโอที่เคยทำ Evangelion เวอร์ชั่นหนังโรง และ Fire Emblem : Fate มาทำ ก็การันตีงานภาพได้เป็นอย่างดี เพราะตั้งแต่ฉากเปิด จัดเต็มทั้งเอฟเฟ็กต์ต่างๆ การเคลื่อนไหวของตัวละครที่สมูทเนียนตา ฉากดราม่าที่กระชากใจต่างจากเวอร์ชั่นเกม การดำเนินเรื่องมันเลยต่างกันพอสมควรระหว่างเกมและเวอร์ชั่นอนิเมซีรีส์

รีวิว Dragon's Dogma Netflix อนิเมะเลือดสาดสุดมันส์จากเกม RPG ชื่อดัง 2

อีธาน หนุ่มชาวบ้านที่อาศัยในหมู่บ้านบริเวณชายฝั่งอย่างสงบกับภรรยาที่กำลังท้องลูกตัวน้อยๆ ของเขาอยู่ ก็ได้ออกไปล่าสัตว์ตามกิจวัตรประจำวัน แต่แล้วจู่ๆ ท้องฟ้าก็มืดครึ้ม มังกรที่หายตัวไปนับร้อยกว่าปีกลับมาปรากฏตัวที่หมู่บ้านนี้อย่างไม่ทราบสาเหตุและเข่นฆ่าชีวิตผู้คนไปมากมาย แทนที่จะหนี ด้วยโทสะอีธานจึงหันดาบเข้าสู้มังกรร้ายทั้งๆ ที่สู้ไม่ได้ ความกล้าหาญนั้นทำให้มังกรเลือกที่จะสาปเขาให้กลายเป็น อไรเซน และชิงหัวใจเขาไป อีธานตื่นด้วยร่างกายที่ไร้หัวใจพร้อมกับหญิงสาวปริศนาที่เรียกตัวเองว่า พอว์น ข้ารับใช้ที่จะช่วยอไรเซนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ อีธานจึงต้องเดินทางเพื่อออกตามหาความจริงและชิงหัวใจคืนมาจากมังกรให้ได้

ดูจากพล็อตเรื่องก็เป็นแนวแฟนตาซียุคกลางที่มีธีมมังกรน่าสนใจ และเป็นเนื้อเรื่องเดียวกับในเกม แต่พิเศษกว่าก็คือเขาได้เพิ่มด้านดราม่าให้ตัวเอกอย่างอีธานต่างจากในเกมที่เป็นตัวละครที่เราสร้าง มันเลยรู้สึกว่าตัวละครนี้น่าติดตามและมีมิติในการดำเนินเรื่องค่อนข้างดีในการพัฒนาตัวละคร

รีวิว Dragon's Dogma Netflix อนิเมะเลือดสาดสุดมันส์จากเกม RPG ชื่อดัง 3

ส่วนคู่หูอย่าง Pawn พอว์น (โดนตัวเอกตั้งชื่อว่าฮันนาห์) ตรงนี้น่าเสียดายที่ในอนิเมชั่นไม่ได้เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับตรงนี้มากนัก ทั้งๆ ที่มันเป็นระบบเด่นในเกม และเล่ารายละเอียดคู่หูของตัวเอกออกมาเพียงแค่ผิวเผิน คนที่ไม่เคยเล่นเกมและไม่รู้เรื่องมาก่อนก็อาจจะงงในจุดนี้เลยก็ได้ ว่านางเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงมาช่วยพระเอกได้

ตามรายละเอียดในเกมคือ พอว์น เป็นนักรบจากต่างมิติโดยสามารถอัญเชิญได้โดยอไรเซน ผ่านทางหินที่ชื่อว่า ริฟสโตน และพอว์นจะคอยรับใช้ ติดตามอไรเซนไปตลอดกาล แต่พวกพอว์นนั้นจะทำตามคำสั่งและหน้าที่ ไม่มีการแสดงอารมร์หรือจิตใจคล้ายๆ กับหุ่นยนต์

ส่วนเนื้อเรื่องหลักของอนิเมชั่นมีการเกริ่นว่ามังกรไม่ปรากฏตัวมาร้อยกว่าปีแล้ว ซึ่งถ้าอิงตามในเกมมันจะมีมหากาฬเรื่องราวก่อนหน้านั้นร้อยกว่าปีที่น่าติดตามมาก เสียดายที่ในอนิชั่นก็เลือกที่จะไม่นำเสนอส่วนนี้ (ทั้งๆ ที่เป็นของโคตรดี) เพราะทุกเมือง ทั่วทุกดินแดนก็ต่างเข้าห้ำหั่นหวังฆ่ามังกร แต่ต้านไม่ไหวจนต้องพึ่ง อไรเซน เป็นความหวังสุดท้ายในการปราบมังกร

การดำเนินเรื่องก็เป็นแนวผจญภัยแฟนตาซี ที่ตัวเอกต้องเดินทางตามหาร่องรอยว่ามังกรอยู่ที่ไหน แต่ความน่าสนใจจะอยู่ที่ ทุกๆ ตอนของอนิเมะ (มีทั้งหมด 7 ตอน) จะเป็นธีมเกี่ยวกับ บาปทั้ง 7 อย่าง และในแต่ละตอนก็จะถ่ายทอดธีมของบาปนั้นๆ ออกมา ทั้งโทสะ ความละโมป ราคะ และมีการหักมุมที่ได้เห็นบาปของมนุษย์ออกมา ทำได้น่าประทับใจมากในจุดนี้

รีวิว Dragon's Dogma Netflix อนิเมะเลือดสาดสุดมันส์จากเกม RPG ชื่อดัง 4

เพราะมันไม่ใช่อนิเมชั่นเด็ก แต่จัดอยู่ในเรต 18+ ฉากฆ่านี่โหดใช้ได้เลย ทั้งยักษ์ไซคลอปดึงตัวคนขาดไส้ไหล หรือก็อปลินที่เข้ามาหวังจะข่มขืนผู้หญิง มีฉากโป๊เปลือยเห็นหน้าอกด้วย เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับเด็กนะครับขอเตือนไว้ก่อน

ฉากแอ็กชั่นคือส่วนที่ดีงามที่สุดของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ เพราะดูลุ้นและสนุกมากๆ โดยเฉพาะในตอน ความละโมบ ที่ต้องสู้กับ Lich กับกองทัพกระดูกผี เป็นฉากแอคชั่นที่ดีงามสุดๆ มีทั้งสโลวโมชั่น โชว์เอฟเฟ็กต์ที่บอกได้เลยว่างานละเอียด เป็นอนิเมชั่นชั้นดีที่นำเสนอฉากแอ็กชั่นได้มันส์สะใจอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

สิ่งที่น่าเสียดายก็คือสเกลเรื่องที่มันดูใหญ่ ยิ่งคนเคยเล่นเกมมาดูจะรู้ว่ามันถูกบีบให้เล่าภายใน 7 ตอนจบ และน่าเสียดายมากที่มันไม่ได้นำข้อดีของเนื้อเรื่องจากในเกมมาใส่ไว้ ทำให้การเดินทางผจญภัยของตัวอีธานและฮันนาห์บางทีมันดูกลวงๆ ดูแบบเหมือนข้ามอะไรไปหลายอย่าง โดยเฉพาะในตอนจบที่อยากจะบอกว่าน่าผิดหวัง กับลาสบอสที่ควรจะมีอะไรมากกว่านี้ แต่กลับไม่มี ทั้งๆ ที่ถ้าเทียบกับในเกมมันคือฉากสุดท้ายที่อลังการและเฉลยปมทุกอย่างตลอดการเดินทางของตัวเอก

การ์ตูนทั่วไปจะดำเนินเรื่องแบบ พระเอกแพ้ > เดินทางฝึกฝน > เก่ง > สู้บอสชนะ แต่กับเรื่องนี้เราไม่ได้เห็นในจุดนั้นเลย กับพื้นเพตัวเอกที่เป็นเพียงแค่ชาวบ้าน หาญกล้าจับดาบสู้มังกร สู้ปีศาจได้ ทำให้มันดูเหมือนพระเอกมันจะเก่งเกินไปหรือเปล่า ไม่ได้มีการพัฒนาความเก่ง แล้วอย่างที่คู่หู หรือตัวละครอื่นๆ ใช้เวทมนต์ต่างๆ ได้ ก็ไม่มีอธิบายไว้ในเรื่อง จู่ๆ ก็เสกดาบเวทมนต์ จู่ๆ ก็ร่ายเวทน้ำแข็งสุดเทพได้เลย จุดนี้ต้องบอกว่าขาดที่มาที่ไปและทำได้แย่ น่าผิดหวัง (ถ้ามองดูดีๆ ก็เข้าใจว่ามันถูกบีบให้เล่าใน 7 ตอนจริงๆ ใส่รายละเอียดเยอะไม่ได้) คนไม่เล่นเกมมาก่อนอาจจะไม่อินในจุดนี้ไปเลย

Dragon's Dogma วิถีกล้าอัศวินมังกร

ในตอนจบก็ไม่ได้ต่างจากที่คาดเพราะมันก็ไปคล้ายคลึงกับในเกม แต่ลดทอนรายละเอียดไปเยอะมากและน่าเสียดายในหลายๆ จุด และน่าเสียดายจริงๆ ที่มันมีแค่ 7 ตอนจบ ถ้าหากเรื่องนี้ถูกวางสเกลให้ใหญ่ และเล่าให้เป็นมหากาฬหลายซีซั่น หลายตอน เราเชื่อว่ามันสามารถทำได้และเป็นอนิเมชั่นน้ำดีอีกเรื่องหนึ่งเลย (แค่ฉากเปิด OP ก็มาเป็นแนว Game of Throne แต่ก็อย่าจบแบบเรื่องนั้นสิ)

เรื่องนี้มีทั้งเสียงพากษ์อังกฤษ ญี่ปุ่น และไทย สามารถเลือกฟังได้ สำหรับเสียงอังกฤษและญี่ปุ่นทำได้ดี เข้าถึงอารมณ์ตัวละคร แต่พอสลับมาพากษ์ไทยก็เห็นได้ชัดเลยว่าเสียงมันไม่สามารถสื่อถึงอารมณ์ตัวละครได้ชัดเจนเท่าเสียงต้นฉบับ แต่ก็ไม่ได้แย่หรือน่าเกลียด บทพูดในพากษ์ไทยบางอย่างก็อาจจะฟังดูแปร่งๆ ไม่คุ้นหู น่าจะเป็นปัญหาที่บทพูดด้วย เลยอยากจะแนะนำให้ฟังเสียงญี่ปุ่น หรือเสียงอังกฤษจะได้อถรรรสมากกว่า

รีวิว Dragon's Dogma Netflix อนิเมะเลือดสาดสุดมันส์จากเกม RPG ชื่อดัง 5

นี่คืออนิเมชั่นน้ำดีอีกเรื่องที่น่าเสียดายมากกับการหยิบยกเอาเกมในตำนานมาทำเป็นอนิเมชั่น หลายๆ ส่วนดี ทั้งฉากแอคชั่น หรือตัวละคร แต่หลายๆ เรื่องก็น่าผิดหวัง ถ้าหากไม่ได้เล่นเกมมาก่อนก็อาจจะไม่รู้ในบางเรื่องด้วย ส่วนคนเล่นเกมมาดูก็อาจจะผิดหวัง คนดูทั่วไปก็คงชื่นชอบในสิ่งที่ตัวเรื่องอยากนำเสนอและอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ถ้าให้คะแนนเรื่องนี้ในฐานะผู้ชมทั่วไปคือ 8 คะแนน ส่วนเคยเล่นเกมมาก่อนแล้วดูก็คงขอให้แค่ 7.5

รีวิว Dragon’s Dogma Netflix อนิเมะเลือดสาดสุดมันส์จากเกม RPG ชื่อดัง

รีวิวอนิเมะ

รีวิว คาร์เมน ซานดิเอโก้ จอมโจรสาวนักท่องโลก SS1-3

หลายๆ คนอาจจะอยากหาซีรีส์อนิเมชั่นดีๆ ดูซักเรื่องใน Netflix ผมก็ว่าเรื่องนี้อาจจะผ่านตาของหลายๆ คนมาบ้างอย่าง Carmen Sandiego ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ คาร์เมน ซานดิเอโก้ (ชื่อจริง แบล็คชิพ) จอมโจรสาวที่มีทักษะไม่ธรรมดาเหมือนใครทั้ง การต่อสู้,การขโมย และเทคโนโลยีสุดล้ำ การที่เธอมาเป็นจอมโจรนั้นเพราะว่าต้องการขัดขวางแผนอันชั่วร้ายของ ไวล์ องค์กรชั่วร้ายที่ซ้อนอยู่ในเงามืดทั่วโลกพร้อมกับเพื่อนๆ ของเธอและเพื่อหาที่มาที่ไปของตัวเองว่าเธอเป็นใครกันแน่!? 

คาร์เมน ซานดิเอโก้ จุดเริ่มต้นมาจากไหน?

คาร์เมน ซานดิเอโก้ มีจุดเริ่มต้นมาจากวิดีโอเกมที่สร้างโดยสตูดิโอ Broderbund ใช้เกมมีชื่อว่า Where in the world is Carmen Sandiego? ซึ่งเกมจะเป็นแนวไขปริศนา และยังอยู่ในหมวดเกมที่ให้การศึกษา ที่ใช้แพร่หลายในห้องเรียนของอเมริกาด้วย จึงทำให้แฟรนไชส์นี้ทำเกมออกมาหลายภาคมากมาย เกมนี้จะเป็นการเดินทางของคาร์เมนที่ไปประเทศต่าง ๆ เพื่อไขปริศนาที่ซ่อนอยู่ในแต่ละประเทศผ่านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ แฟรนไชส์นี้ยังมีการทำเป็นซีรีส์แอนิเมชั่นก่อนที่จะเป็นเวอร์ชั่นเน็ตฟลิกซ์

ด้านเนื้อเรื่อง

คาร์เมน ซานดิเอโก้
Carmen Sandiego

ในการดำเนินเรื่องของ คาร์เมน ซานดิเอโก้ นั้นเป็นการดำเนินแบบภารกิจแต่ละภารกิจจะจบภายในตอนเดียว อาจจะมีแค่ช่วงแรกที่กล่าวถึงจุดกำเนิดว่าทำไม เร้ด หรือ แบล็คชิพ ถึงเลือกที่จะเดินเส้นทางนี้เป็นจอมโจรอย่าง คาร์เมน ซานดิเอโก้ เพื่อล่าองค์กรไวล์ โดยในแต่ละตอนนั้นก็จะมีการใส่ปมเพื่อปูมาเพื่อตอนถัดไปทำให้มีความน่าติดตามอย่างมาก และมีการเดินทางไปประเทศต่างๆ มีทั้งให้ความรู้เรื่องวัฒนธรรมในแต่ละท้องที่แทรกตามฉากต่างๆ ในแต่ละที่ที่ คาร์เมน ไป ฟังพล็อตแบบนี้มันก็อาจจะก็ซ้ำๆ กับบางเรื่องอย่าง จอมโจรคิด หรือ ลูแปง ก็ได้นะ ซึ่งมันก็ใช่จริงๆ นั้นแหละ แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เรื่อง Carmen Sandiego มันแตกต่างจากเรื่องอื่นนั้นก็คือ เนื้อหาที่เด็กและผู้ใหญ่เข้าถึงได้ มันอาจจะไม่ได้มีเลือดสักหยดอะไรสำหรับเรื่องแบบนี้ที่ต้องทำเผื่อเด็กๆ ดูด้วย ส่วนเนื้อหาก็ถือว่าซีเรียสใช้ได้เลย แต่เพราะมันทำภาพและการเล่าเรื่องออกมาให้เบาที่สุด มันอาจจะทำให้เราคิดว่าเนื้อหามันไม่รุนแรงก็ได้ ต่างจากสองเรื่องบนที่บรรเลงเลือดกันค่อนข้างเยอะพอตัวเลย

และถ้าผู้อ่านอยากรู้ว่าเรื่องนี้มีฉากตลกไหม? เราก็ต้องตอบว่ามีเยอะเหมือนกัน ขอแนะนำให้รู้กับตำรวจสากลที่ออกตามล่า คาร์เมน อย่างผู้หมวดเชสนั้นเอง!! ผู้หมวดเชสนั้นตามคดีคาร์เมน มาอย่างยาวนานแล้วแต่ก็ยังพังไม่เป็นท่าจับไม่ได้สักที เรียกได้ว่าเป็นตัวโจ๊กของเรื่องเลยก็ว่าได้ โดนเล่นงานทุกรูปแบบเป็นตัวละครที่อาภัพที่สุดในเรื่องก็ว่าได้ 5555

ส่วนตัวร้ายอย่างองค์กร ไวล์ ในกลุ่มตัวร้ายนี้มีมิติตัวละครที่น่าติดตามมากๆ และการความคิดอ่านเกมนำกว่ากลุ่มคาร์เมนเสมอ เพื่อปกปิดความลับองค์กรไม่ให้องค์กรอื่นได้รู้จักตัวตนของตนเอง ถึงแม้คาร์เมนจะพังแผนการของ ไวล์ เละไม่เป็นท่าก็ตามทีก็เถอะ ส่วนถ้าถามว่าข้อเสียใหญ่ๆ ของเรื่องนี้คืออะไรก็คงเป็นปมที่คลี่คลายได้ง่ายเกินไป และไม่สร้างอิมแพ็คให้แก่คนดูซักเท่าไหร่ในบางฉาก ตัวละครผลัดกันเก่งบ้างผลัดกันอ่อนทั้งฝ่ายร้ายและฝ่ายดีทั้งที่มันก็ไม่ได้ไปฝึกอะไรเพิ่มขึ้นมา แถมตัวละครช่วงหลังๆ ใช้แล้วทิ้งทั้งที่มันมีความน่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ด้านคาแรกเตอร์

ด้านคาแรกเตอร์นี้เรียกได้ว่าเรื่องนี้มีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นเป็นตัวของตัวเองมากๆ ทั้งสำเนียงและรูปประโยคที่สื่อออกมา ทำให้เรารู้เลยว่าตัวละครนี้เป็นใคร ไม่ใช่ว่าเราจะเจอคาแรกเตอร์โดดเด่นกันง่ายไม่แย่งบทกันไปมาง่ายๆ นะ อย่างเช่น ผู้หมวดเชส ที่สำเนียงคนฝรั่งเศส และเพลเยอร์สำเนียงคนอาร์เจนติน่า ถ้าฟังภาษาอังกฤษนะ ส่วนภาษาอื่นๆอาจจะไม่เห็นด้านนี้ชัดเจน ถ้าคนอยากฝึกฟังภาษาและสำเนียงควรดูเรื่องนี้เลยแนะนำมากๆ ส่วนด้านอื่นๆ อย่างเป้าหมายนี้ชัดเจนเหมือนกันในแต่ละฝั่ง และความสัมพันธ์ของตัวละครนี้จะเรียกได้ว่าดีที่สุดของเรื่องนี้เลย เพราะระหว่างทางเราจะได้เห็นอัพเดตของความสัมพันธ์ในแต่ละกลุ่มชัดเจนมากๆ เลย ด้านเพื่อน ด้านศัตรู และเพื่อนร่วมงาน

งานศิลป์

เป็นงานอนิเมชั่นสองมิติเน้นวาด การทำภาพสถานที่ต่างๆ ในประเทศนั้นดูเรียบง่ายและเข้าใจง่ายบ่งบอกให้รู้ถึงสถานที่นั้นๆ เลย ถึงแม้จะมีการเผาเรื่องความเร็วสปีดภาพแต่ละฉากที่ไม่คงที่บ้าง แต่ไม่เป็นปัญหาใหญ่เพราะมันเนียนอยู่ในระดับหนึ่งและอนิเมชั่นไหลลื่นมาก ส่วนดนตรีประกอบยังไม่ค่อยโดดเด่นซักเท่าไหร่ โดยรวมๆ เรื่องนี้ถือว่าทำออกมาค่อนข้างรวดเร็วและคงมาตรฐานตลอดเรื่องได้ Netflix คงโปะทุนให้เรื่องนี้หนาแน่ๆ เลย

พากย์ไทยฟังได้/อังกฤษฟังดี/ญี่ปุ่นฟังสนุก

เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องเลยก็ว่าได้ที่มีตัวเลือกผู้ชมได้เลือกมากมายหลายภาษากันไป ในแต่ละภาษาก็จะมีข้อดีแต่ละอย่างกันไปแล้วแต่คนชอบอย่าง ภาษาไทย ที่ฟังง่ายเสียงเข้ากับคาแรคเตอร์เสียงคล้ายๆสไตล์ ดีสนีย์หรือดรีมเวิลค์ ฟังง่ายๆ ชิวๆ น้ำเสียงอิ่มเอม ส่วน ภาษาอังกฤษ นั้นเป็นภาษาแม่ของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ถ้าอยากให้อินกับเรื่องนี้ควรเปิดฟังภาษานี้เพราะสำเนียงภาษาของแต่ละคนนั้นจะไม่เหมือนกันเลยเพราะมาจากหลายเชื้อชาติ เรียกว่าใครอยากฝึกภาษาและฟังสำเนียงควรฟังภาษาอังกฤษนี้เลยจะได้ฟังหลายสำเนียงมากๆ และมาถึงสุดท้ายอย่างภาษาญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่นนั้นจะให้อารมณ์เสียงแบบอนิเมะญี่ปุ่นเลย ถ้าใครชื่นชอบสไตล์แบบนี้ควรมาลองได้

คาร์เมน ซานดิเอโก้ ผู้ใหญ่ดูได้เด็กดูดี

ถ้าใครอยากได้อนิเมชั่นดีๆ สักเรื่องที่มีประโยชน์ต่อเด็กๆ ก็ควรเป็นเรื่องนี้เลย (เรื่องนี้อยู่ในกลุ่ม Netflix Kid) เพราะเรื่องนี้มีการเล่าถึงวัฒนธรรมและศิลปะของในแต่ละประเทศ ด้วยการเล่าแบบภาพที่เรียบง่ายและเป็นเอกลักษณ์จึงทำให้มันเหมาะสำหรับเด็กๆ มากที่อยู่ในช่วงวัยกำลังเรียนรู้ อาจจะสงเสริมให้เด็กๆ เขามีความสนใจต่อวัฒนธรรมในหลากหลายประเทศได้ ส่วนของผู้ใหญ่นั้นสามารถดูได้เหมือนกัน โดยในอนิเมชั่นเรื่องนี้มีการเล่าเรื่องที่ชิวไม่ซีเรียส แต่ก็ไม่เด็กเกินไปเหมาะสำหรับการดูพักผ่อนหรือจะดูกับลูกหลานก็ได้

ส่วนสำหรับใครที่ดู Seasonแรก จบไปแล้ว ก็อยากให้ลองอ่านข้อมูลเตรียมตัวก่อนเริ่มซีซั่น 2 กันได้เลย!!

จำนวนตอนทั้งหมดซีซั่น 1 : 9 ตอน (ประมาณตอนละ 24 นาที) 

เสียงพากย์/บรรยาย: เสียงภาษาไทย/อังกฤษ/ญี่ปุ่น  บรรยายไทย

—-ส่วนสปอยเริ่มซีซั่น2—-

ความเดิมจากซีซั่นที่ผ่านมา คาร์เมน ซานดิเอโก้ กำลังวางแผนไปช่วยเหลือ ผู้หมวดเชส ที่โดน โค้ชบรันต์และ ชาโดว์ซัง จับตัวไว้เพราะความเข้าใจผิดว่าเขานั้นเป็นพวกเดียวกับเธอ แต่ว่าใครจะคิดกันว่า ชาโดว์ซัง นั้นจะหักหลัง โค้ชบรันต์ ที่กำลังจะจับตัวคาร์เมนได้อยู่แล้วเชียว และพาคาร์เมน หนีออกมาจากวงล้อมของตำรวจและไวล์ได้ เมื่อ ชาโดว์ซัง ได้เล่าความจริงอีกว่าเขานั้นเป็นคนที่พาเธอตั้งแต่สมัยเด็กแบเบาะมาที่ศูนย์ใหญ่ของไวซ์นั้นเอง และหลังจากเล่าความจริงเสร็จเขาก็ได้มอบข้อมูลทุกอย่างของไวซ์ให้กับ คาร์เมน และหายตัวไปทำให้ คาร์เมน นั้นได้เริ่มมีความคิดที่ซับซนเกี่ยวกับต้นกำเนิดของตนเองและคิดถึง ชาโดว์ซัง นั้นตกลงอยู่ฝ่ายเธอเองหรือมันเป็นแผนซ้อนของเขากันแน่

เรื่องราวของซีซั่นนี้เป็นเนื้อเรื่องต่อจากซีซั่นแรกเลย โดยคาร์เมนที่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแผนของไวซ์แล้ว ได้เดินทางไปที่ ริโอ ต่อเลย เรียกได้ว่าหลังจากเกือบตายแล้ว แต่ยังต้องมาทำงานเพื่อโลกต่อไม่ได้หยุดไม่ได้พักเลยเห็นแล้วเหนื่อยแทน 5555 ในการดำเนินเรื่องของซีซั่นนี้แทบไม่ต่างอะไรจากภาคแรกเลย มีการเดินทางไปประเทศต่างๆ มีให้ความรู้เรื่องภูมิภาควัฒนธรรมของแต่ละประเทศและเพื่อหยุดยั้งแผนของ ไวล์ แถมมีการสร้างปมระหว่างทางไว้และค่อยๆ เฉลยไปเรื่อยๆ มีทั้งว้าวบ้างและไม่บ้าง อย่างการเฉลยปมของ ชาโดว์ซัง นั้นไม่ค่อยสร้างความประทับใจเลย และพอดูไปเรื่อยๆเหมือนตัวละครนี้จะถูกทำให้อ่อนลงอีกทั้งที่มีความสามารถระดับคณาจารย์ใหญ่ทั้งห้าเลยนะ ส่วนตัวละครใหม่ๆที่เข้ามาค่อนข้างใช้แล้วจบเลยไม่มีการกล่าวถึงต่อเลย บางตัวน่าเสียดายที่คาแรคเตอร์ค่อนข้างเฉพาะตัวแต่ใช้แล้วทิ้งรู้สึกไม่ค่อยคุ้มสักเท่าไหร่ แต่ว่าถ้าเป็นตัวร้ายเก่าๆ เราจะเห็นการพัฒนาที่มากขึ้นเล่นเกมนำฝั่งของตัวเอก เพื่อไม่ให้ตนเองเปิดเผยได้ เรียกได้ว่าสมกับเป็นสมาพันธ์วายร้ายหน่อย ที่ทุกอย่างเป็นความลับถึงแม้ คาร์เมนจะพังแผนการได้ ฝั่งของ ผู้หมวดเชส คงเรียกได้ว่าเป็นฉากฮาที่สุดของเรื่องเลย 5555 คนอะไรจะซวยขนาดนี้โดนสารพัดจะโดนยำ ผู้กำกับคงสะใจมากๆแน่ที่ตัวละครนี้โดนยำ ส่วนตอนท้ายของเรื่องนี้ น่าจะเรียกว่าเป็นการพยายามขยายปมในภาคนี้เพื่อขึ้นสู่ซีซั่นถัดไปให้น่าติดตาม และมันก็น่าติดตามจริงๆ ทั้งฝั่ง ไวล์ และองค์กร แอคมี่ ที่โดน คาร์เมน ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ว่าจะเอาคืนอย่างไร

โดยรวมๆ ซีซั่นนี้เป็นอีกซีซั่นหนึ่งที่น่าติดตามแต่ยังไม่โดดเด่นด้านเนื้อเรื่องและการเฉลยปมซักเท่าไหร่ มาตรฐานโดยรวมเท่ากับซีซั่นหนึ่งมีเพิ่มมาคือเรื่องความสัมพันธ์ของด้านตัวละครที่ดีขึ้น และจากผลบวกของกลุ่มคนดูที่บอกว่าเรื่องนี้ยังสอนทั้ง ประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรม สามารถนำไปเปิดให้กับความรู้กับเด็กๆ ได้อีกด้วย คงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะมีซีซั่นสามต่อเลย

จำนวนตอนทั้งหมดซีซั่น 2 : 10 ตอน

เสียงพากย์/บรรยาย: เสียงภาษาไทย/อังกฤษ/ญี่ปุ่น  บรรยายไทย

—-ส่วนสปอยเริ่มซีซั่น3—-

หลังจากที่คาร์เมนได้รับรู้ความจริงเรื่องชาติกำเนิดของตนเองจาก แอคมี่ ที่ว่าพ่อของเธอคือจอมโจรที่หนีออกมาจาก ไวล์ และได้พบรักกับหญิงสาวปริศนาจนให้กำเนิดเร้ด และหลังจากนั้นสักพักพ่อของเร้ดก็ถูกหัวหน้าของแอคมี่ฆ่าตาย และเร้ดถูกชาโดว์ซังเก็บไปเลี้ยง คาร์เมนที่รู้ความจริงจากหัวหน้าของแอคมี่ จึงขโมยข้อมูลของแอคมี่มาทั้งหมด ทำให้แอคมี่ประกาศศึกกับคาร์เมนเต็มตัว ส่วนคาร์แมนที่ได้ข้อมูลของพ่อมาแล้ว จึงออกสีบตามรอยของแม่ต่อ แต่ว่าไวล์เองก็รับนักเรียนใหม่เพิ่มมาอีก 2 คน อีกทั้งสองคนที่เรียนวิชาจับกุมคาร์แมนมาโดยเฉพาะเลย!! คาร์แมนสืบหาเบาะแสของแม่ได้รึเปล่า? เนื้อเรื่องจะไปไกลถึงไหนกัน? พบกับคาร์แมน ซานดิเอโก้ ซีซั่น 3 ได้เลย

ในซีซั่นนี้การเดินทางจะไปที่เม็กซิโก บ้านเกิดของเร้ดเพื่อไปหาข้อมูลของแม่ว่าตกลง เธอเป็นเพียงแค่คนธรรมดา หรือจะเป็นมหาโจรอย่างที่พ่อของเธอเป็น การสืบหาครั้งนี้จะยากลำบากมากขึ้นเมื่อไวล์ได้สองนักเรียนที่มีฉายา ฟลายแท็ป ที่มีการออกแบบตัวละครมาจากทางแดนเหนือ และสปินคิ๊ก ที่มีการต่อสู้เป็นแบบมวยไทย ทั้งสองถูกฝึกเพื่อมากำจัดคาร์เมนโดยเฉพาะ และยังมีผู้หมวดเชส ที่ได้กลับมาทำงานกับเอคมี่ มาร่วมด้วยอีกในการจับกุมคาร์เมน แต่ดูเหมือนว่าผู้หมวดเชสจะเริ่มเห็นอะไรบางอย่างในตัวคาร์เมน จึงทำให้เขาเองมีความคิดที่กำลังจะเปลี่ยนไป?

คาร์แมนซีซั่นนี้ออกจำนวนตอนได้น้อยกว่าซีซั่นอื่น โดยออกมาเพียงแค่ 5 ตอนเท่านั้น ถือว่าน้อยกว่าซีซั่นหนึ่งและสอง ส่วนคุณภาพค่อนข้างจัดเต็มกว่าสองซีซั่นก่อนอย่างแน่นอน ฉากแอ็กชั่นที่จัดมารัว ๆ ตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนจบ เพียงแต่ว่ามันค่อนข้างเริ่มจำเจกับรูปแบบจำเจที่มีตั้งแต่สองซีซั่นแรก ที่มีการขโมยไปขโมยมาโดยที่เนื้อเรื่องยังไม่มีอะไรคืบหน้าไปถึงไหน เราไม่เห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ซีซั่นก่อนปูไว้ก่อนจบว่า ทั้งฝั่งไวล์ และแอคมี่จะเล่นคาร์เมนให้หนักในซีซั่นนี้ ปรากฏว่ามันก็เหมือนเดิมกับสิ่งที่ทำในซีซั่นสอง จึงทำให้ซีซั่นนี้เนื้อเรื่องเอื่อยเฉื่อยมาก มีเพียงแค่ตัวละครใหม่มาเพียงไม่กี่ตัว และบทตัวร้ายที่ยังไม่มีอะไรเด่นเลยในซีซั่นนี้ ความเหนือชั้นของฝั่งตัวร้ายในซีซั่นก่อน ๆ ไม่มีให้เห็นในซีซั่นนี้เลย ทำให้รู้สึกไม่ลุ้นระทึกเหมือนก่อน ในเรื่องเราจะเห็นแค่กลุ่มตัวเอกโชว์เหนือตลอดหลังจากที่ผ่านดราม่าครอบครัว จึงทำให้คิดว่าซีซั่นนี้ทำออกมาให้หายคิดถึงมากกว่า และโปรโมทเทศกาลที่กำลังจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ด้วย ทำให้จำนวนตอนเลยน้อยกว่าซีซั่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด

โดยรวมซีซั่นนี้ทำฉากแอ็กชั่นมาดีตลอดทั้งหมด 5 ตอนเลย แต่เนื้อเรื่องยังคงไม่เห็นความคืบหน้าที่ชัดเจน จนไปถึงบทสรุปตัวละครที่ชัดเจนได้ซักคน จึงทำให้ค่อนข้างผิดหวังมากในซีซั่นนี้ และยังหวังว่าซีซั่นต่อไปจะเฉลยปมที่ค้างไว้ในซีซั่นนี้ให้หมด

จำนวนตอนทั้งหมดซีซั่น 3 : 5 ตอน

วันที่ลง Netflix: 16 มกราคม 2562 

เสียงพากย์/บรรยาย: เสียงภาษาไทย/อังกฤษ/ญี่ปุ่น  บรรยายไทย