หลังจากภารกิจ Avengers: Endgame จบลง แต่ยังมีตัวร้ายอย่าง Baron Zemo จาก Captain America: Civil War (2016) กลับมากำจัดซูเปอร์ฮีโร่ไปให้หมดโลก เพราะยังคงเชื่อว่า โลกนี้ไม่ควรมีซูเปอร์ฮีโร่ และนอกจากนี้ยังเล่าถึงการรวมตัวกันระหว่าง Sam Wilson / Falcon และ Bucky Barnes / Winter Soldier ซึ่งทั้งคู่มีแผนการต่อสู้ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่พวกเขาต้องร่วมมือกันเพื่อปราบตัวร้ายและปกป้องโลกนี้ด้วยกัน
กระแสความน่าสนใจของซีรีส์ The Falcon And The Winter Soldier ดูหนังออนไลน์ ทำให้บรรดาแฟนๆ ของภาพยนตร์ Avengers: Endgame ต่างเฝ้ารอคอยด้วยความสงสัยว่าท้ายที่สุดแล้วตัวละครผิวสีจะยอมรับบทบาทซูเปอร์ฮีโร่อย่างกัปตันอเมริกาที่เขาได้รับไม้ต่อหรือไม่ ด้านแอนโธนี แมคคีย์ นักแสดงนำผู้รับบทฟอลคอน ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นนักแสดงที่สามารถรักษาความลับเกี่ยวกับภาพยนตร์และซีรีส์ที่เขาแสดงผ่านมาได้อย่างดีเยี่ยม ได้กล่าวในงานแถลงข่าวเพียงว่า เขาพอใจกับตอนจบของซีรีส์ The Falcon And The Winter Soldier มาก และรู้สึกดีมากที่เขาได้รับบทบาทที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดในภาพยนตร์ที่สร้างมาจากหนังสือการ์ตูน
ซีรีส์ The Falcon And The Winter Soldier นำเสนอเรื่องราวการผจญภัยของซูเปอร์ฮีโร่ที่ต้องต่อสู้กับอาชญากรก่อการร้าย ผ่านการเดินทางไปยังหลายที่ทั่วโลก แต่นอกเหนือจากการสวมบทบาทซูเปอร์ฮีโร่ พวกเขายังต้องจัดการกับปัญหาส่วนตัวที่สะสมไม่ต่างจากปุถุชนทั่วไป มัลคอล์ม สเปลแมน ผู้สร้างและผู้เขียนบทซีรีส์เลือกจับคู่นักแสดงหลักอย่าง แอนโธนี แมคคีย์ ผู้รับบทฟอลคอน ซึ่งเคยเป็นอดีตคู่หูของกัปตันอเมริกา และ เซบาสเตียน สแตน ผู้รับบทบัคกี้ หรือ วินเทอร์ โซลเยอร์ โดยแสตนกล่าวว่าตัวละครฟอลคอนและการนำเสนอเรื่องราวในรูปแบบซีรีส์ซึ่งมีเวลาใส่รายละเอียดอย่างเต็มที่ทำให้นักแสดงอย่างเขาและแมคคีย์ รวมทั้งผู้ชมจะได้ค้นพบอีกด้านของตัวตนซูเปอร์ฮีโร่ทั้งสองมากยิ่งขึ้น
เรื่องย่อ : เรื่องราวของโรงแรม The Vanishing at the Cecil Hotel เป็นโรงแรมที่มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ เนื่องจากมีนักศึกษามหาวิทยาลัยและนักท่องเที่ยวเอลิซาแลมเข้ามาพักที่โรงแรมแห่งนี้ แต่พวกเขากลับหายตัวไปอย่างลึบลับ โดยที่ทรัพย์สินทั้งหมดยังถูกทิ้งไว้ที่โรงแรม พวกเขาหายตัวไปได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่ ติดตามได้ใน ซีรี่ย์ฝรั่ง Crime Scene: The Vanishing at the Cecil Hotel (2021) การหายตัวไปที่โรงแรมเซซิล
หลังจากกำกับหนังทางโทรทัศน์ให้กับค่ายดิสนี่ย์ พิคเจอร์สมานานจนเรียกว่าเป็นขาประจำของหนังทางช่องดิสนี่ย์ชาแนล ผู้กำกับ เคนนี่ ออร์เตก้า ก็ได้สร้างผลงานกับทางเน็ตฟลิกซ์บ้างในการรีเมคซีรี่ส์โทรทัศน์จากประเทศบราซิลในชื่อเดียวกันนั่นคือ Julie and The Phantoms เมื่อปี 2011 (หรือในภาษาเดิม Julie e os Fantasmas) และดูเหมือนนี่จะเป็นงานโชว์ศักยภาพของเขาอีกครั้ง
เขากลับทำงานกำกับและออกแบบท่าเต้นร่วมกันอีกครั้งจากการกำกับหนังทางโทรทัศน์ High School Musical ในปี 2006 และมันกลายเป็นงานที่สร้างชื่อให้กับดิสนี่ย์ระดับปรากฎการณ์ จนมีการสร้างภาคต่ออีกสองภาค โดยภาคสุดท้าย High School Musical 3: Senior Year ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ปี 2008 ได้รับทั้งเงินและกล่อง ในฐานะที่มันเป็นหนังวัยรุ่นที่ปลุกตลาดหนังเพลงของดิสนี่ย์ที่ไปได้ดีเฉพาะอนิเมชั่นให้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง และทำให้เขาได้กำกับหนังสไตล์มิวสิคัลอีกหลายเรื่องรวมถึง Descendants(2015) หนังเพลงสไตล์แฟนตาซีที่จับลูกเหล่าร้ายจากการ์ตูนดิสนี่ย์มาเป็นตัวเอก และกลายเป็นกระแสโด่งดังจนสร้างออกมาถึงสามภาค จึงไม่แปลกเลยที่ผู้กำกับวัยเก๋าคนนี้จะได้รับการยกให้เป็นราชาแห่งหนังทวีน (หนังสำหรับวัยช่วงระหว่างเด็กจนถึงวัยรุ่น)
ปีที่ผ่านมาออร์เตก้าเซ็นสัญญาผลิตงานให้กับ Netflix สตรีมมิ่งรายใหญ่หลายปี และซีรี่ส์ Julie and The Phantoms เป็นผลงานเรื่องแรกของเขาผ่านการสร้างของ แดน ครอส และ เดวิด โฮก สองโปรดิวเซอร์ผู้คร่ำหวอดในการผลิตซีรี่ส์สำหรับวัยรุ่น ที่งานนี้ยังแสดงให้เห็นเอกลักษณ์เด่นๆ ในแนวมิวสิคัลของเขา รวมไปถึงการคัดนักแสดงหน้าใหม่ซึ่งแจ้งเกิดในเรื่องนี้อย่างเต็มตัว โดยไม่ต้องพึ่งดาราจากช่องดิสนี่ย์ ชาแนล